file

บลจ.ทิสโก้ ชู Innovative Product สร้างความมั่งคั่งตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 44 | คอลัมน์ Exclusive

ทุกความเคลื่อนไหวในตลาดทุน ไม่ว่าขาขึ้น ขาลง ปรับฐาน หรือแกว่งตัวออกข้างยังมีโอกาสในการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนเสมอ หากสามารถ “จับจังหวะการลงทุนได้อย่างแม่นยำ” ด้วยรูปแบบการลงทุนที่ยืดหยุ่นโดยมีผู้เชี่ยวชาญในการคัดสรรสินทรัพย์ครอบคลุมการลงทุนทั้งในและต่างประเทศและให้คำปรึกษาอย่างเหมาะสมตามความเสี่ยงที่รับได้
 

บลจ.ทิสโก้ มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกโจทย์ความต้องการด้วยการเป็น Top Advisory หรือผู้ให้คำแนะนำการลงทุนที่ดี โดยใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมผ่านร้อนผ่านหนาวมาทุกวัฏจักรของเศรษฐกิจ และไม่เคยหยุดนิ่งที่จะศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลจับจังหวะที่เหมาะสมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน การลงทุนที่ดีให้กับลูกค้าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จึงเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นในอุตสาหกรรม ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า บลจ.ทิสโก้เป็นตัวจริง

ก้าวต่อไปของ บลจ.ทิสโก้ ภายใต้การกุมบังเหียนของสองแม่ทัพใหญ่ “คุณภาวิณีองค์วาสิฏฐ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “คุณธีรนาถ รุจิเมธาภาส” กรรมการอำนวยการยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ และมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ ลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนทุกประเภทสินทรัพย์ กระจายการลงทุนไปทุกภูมิภาคทั่วโลก พร้อมให้ความสำคัญกับการติดตามปัจจัยเชิงเศรษฐกิจ การวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ รอบด้านที่ส่งผลกระทบ และสร้างโอกาสในเวลาเดียวกัน

“ตัวตนของเราคือการเป็น Top Advisory หรือการเป็นผู้ให้คำปรึกษาการลงทุนที่ดีที่สุดเรามี Innovation ในการคิด และออกแบบโปรดักส์ มี Investment Idea ใหม่ๆ ที่นำตลาดเสมอ ไม่ค่อยตามใคร โปรดักส์ส่วนใหญ่จึงคดิ ไปก่อนล่วงหน้า หรือสอดคล้องกับตลาด และแต่ละโปรดักส์จะผ่านการพิจารณา และคัดกรองอย่างรอบคอบทั้งด้านผลตอบแทน และความเสี่ยงที่เหมาะสมแก่ลูกค้าแต่ละราย” คุณภาวิณีกล่าวอย่างมั่นใจ ขณะที่คุณธีรนาถพยักหน้าย้ำความเชื่อมั่น

ปัจจุบัน 3 กลุ่มธุรกิจหลักของบลจ.ทิสโก้ประกอบด้วยธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ธุรกิจกองทุนรวม และธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวม 250,000 ล้านบาท ในปี 2018 นี้ กำหนดเป้าหมายในการเติบโตในการดูแลลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันแต่ละกลุ่มธุรกิจแบ่งสัดส่วนเป็น 62%, 19% และ 19% ตามลำดับ

file


“ตัวตนของเราคือการเป็น Top Advisory หรือการเป็นผู้ให้คำปรึกษาการลงทุนที่ดีที่สุดเรามี Innovation ในการคิด และออกแบบโปรดักส์มี Investment Idea ใหม่ๆ ที่นำตลาดเสมอไม่ค่อยตามใคร โปรดักส์ส่วนใหญ่ จึงคิดไปก่อนล่วงหน้าหรือสอดคล้องกับตลาด และแต่ละโปรดักส์จะผ่านการพิจารณา และคัดกรองอย่างรอบคอบ ทั้งด้านผลตอบแทน และความเสี่ยงที่เหมาะสมแก่ลูกค้าแต่ละราย”
 

หากเจาะลึกถึงทิศทางธุรกิจของแต่ละกลุ่มไล่เลียงจาก กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) บลจ.ทิสโก้ ครองอันดับหนึ่งในแง่ในของบริษัทจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพชั้นนำ ที่มีนายจ้างไว้วางใจเลือกใช้บริการมากที่สุดในประเทศ หรือมีสัดส่วนถึง 25% ของจำนวนนายจ้างทั่วประเทศที่มีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้
แก่พนักงาน ขณะที่มูลค่า AUM ติด 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรม เป็นผู้นำในการ ออก Employee’s Choice ที่ให้ลูกค้าจัดสินทรัพย์การลงทุนให้เหมาะสมกับอายุของตัวเอง ถือว่าสมฐานะของการเป็นผู้บุกเบิกรายแรกที่นำผลิตภัณฑ์นี้เข้ามาในประเทศไทย และยังล้อไปกับทางเลือกการลงทุนเพื่อการเกษียณในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งเติบโตคู่ขนานกันมาเสมอ

“บลจ.ทิสโก้ มีรูปแบบการลงทุนให้เลือกหลากหลาย เพราะเรารู้จริงในการบริหารเงินเพื่อการเกษียณ คือเน้นการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวบนความเสี่ยงที่เหมาะสม ไม่ได้มุ่งแต่ผลตอบแทนสูงๆ ในระยะสั้น แต่เป็นการจัดพอร์ตตามช่วงอายุของลูกค้า และยังให้ความรู้แก่ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วย โปรแกรม Smart Retirement ออมอย่างไรให้ถึงเป้าหมายเพื่อการเกษียณ” คุณธีรนาถเล่าให้ฟัง

คุณธีรนาถยังฉายภาพให้เห็นว่าในส่วนกองทุนรวม (Mutual Fund) บลจ.ทิสโก้ มองว่าเป็นธุรกิจที่เติบโตได้อีกมาก เพราะมีลูกค้าจำนวนมากที่ลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแต่ยังไม่ได้ลงทุนในกองทุนรวม หรือมีลูกค้าที่ลงทุนกองทุนรวมอยู่แล้วแต่ลงทุนเฉพาะในประเทศ ยังไม่ได้ขยายการลงทุนไปต่างประเทศ เหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น

file
file

 

ทิสโก้มีจุดแข็งในการบริหารจัดการกองทุนหุ้นแล้วได้ผลตอบแทนที่ดี มี Active Fund ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดอย่างสม่ำเสมอ หลายกองทุนผ่านวิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤติการเงินในยุโรป และผลิตภัณฑ์ของเราครบทุกตลาดครอบคลุมทุกธีมการลงทุน

 

“ทิสโก้มีจุดแข็งในการบริหารจัดการกองทุนหุ้นแล้วได้ผลตอบแทนที่ดี มี Active Fund ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดอย่างสม่ำเสมอ หลายกองทุนผ่านวิกฤติต้มยำกุ้งวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤติการเงินในยุโรป และผลิตภัณฑ์ของเราครบทุกตลาดครอบคลุมทุกธีมการลงทุน”

คุณภาวิณี ยังได้ย้ำถึงจุดเด่นที่แตกต่างของผลิตภัณฑ์ของ บลจ.ทิสโก้ ว่ามี Character ที่ชัดเจน โดยแต่ละกองทุนจะมี Theme หลักเพื่อให้ลูกค้าหรือเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าเลือกหยิบนำไปผสมให้เข้ากับ พอร์ตของลูกค้าตามต้องการ เพราะแต่ละธีมการลงทุนจะให้ผลตอบแทนที่ดีต่างกันในแต่ละช่วงของ เศรษฐกิจ เช่น ธีมหุ้นใหญ่ ธีมหุ้นปันผลธีมหุ้นเล็ก เป็นต้น

“ลูกค้ารายใหญ่อาจเลือกลงทุนในหลายๆ Theme และนำมาผสมกัน ขณะที่ลูกค้ารายย่อยที่ไม่อยากลงทุนหลายกองทุน เราก็มีกองทุน TISCO Income Plus ที่จัดสัดส่วนการลงทุนไว้แล้ว สิ่งนี้เองที่ทำให้เราต่างไปจากคนอื่น” คุณภาวิณี เล่าให้ฟัง

ขณะที่คุณธีรนาถเล่าเสริมว่า “การออกกองทุนใหม่หลังจากนี้จะเน้นธีมตามเมกะเทรนด์ เช่น Aging Society, Technology, ESG (Environmental, Social, and Governance), Healthcare เป็นต้น เช่นที่เราออกกองทุนเปิดทิสโก้ ซิลเวอร์ เอจ (TISCOSA), กองทุนเปิดทิสโก้ โกลบอล เทคโนโลยี อิควิตี้ (TISTECH) กองทุนเปิด ทิสโก้ ESG เพื่อสังคม (TISESG) และกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล เฮลธ์แคร์ สตาร์ พลัส (TGHSTARP) ไปก่อนหน้านั้น และเรายังมองหาโอกาสโดยอิงไปกับการเติบโตในขณะนั้นๆ ด้วย เช่น การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่งผลให้หุ้นสหรัฐฯ น่าสนใจแต่ราคาค่อนข้างแพงแล้ว แต่เราจับจังหวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และการผ่อนคลายกฎระเบียบภาคการเงินออกกองทุนทิสโก้ ยูเอส ไฟแนนเชียล (TUSFIN-A) เป็นต้น

ฝั่งกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ที่มีสัดส่วน 19% ของ AUM ทั้งหมดที่บริหารอยู่นั้นจะเน้นลูกค้าบุคคลเป็นหลัก เพราะลูกค้าบริษัทมีผู้เล่นที่ให้บริการจำนวนมาก และการแข่งขันสูง โดยใช้จุดแข็งในการจัดพอร์ตตามความเสี่ยงของลูกค้าที่ บลจ.ทิสโก้ถนัดในการให้คำปรึกษา และแนะนำการลงทุน เพื่อให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มนี้จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในโลกที่เทคโนโลยีดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเข้ามามีบทบาท สำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในทุกๆ การเคลื่อนไหว และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญในภาคธุรกิจ บลจ.ทิสโก้อยู่ระหว่างการพัฒนาโมบายแอปพลิเคชั่นเพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารและการซื้อขาย กองทุนได้อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์ คาดว่าปลายปีนี้น่าจะแล้วเสร็จ จากปัจจุบัน บลจ. ทิสโก้ มี E-Invest ที่ใช้งานได้ทั้งหน้าเว็บไซต์ และสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว


เราอยู่ระหว่างการพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้สำหรับสื่อสารกับลูกค้า และเป็นช่องทางการซื้อขายออนไลน์ โดยอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกันกับแพลตฟอร์มของธนาคารทิสโก้ เพื่อเชื่อมโยงลูกค้าของธนาคารให้เห็นถึงความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ บลจ.ทิสโก้ คิดค้นขึ้น

 

“เราอยู่ระหว่างการพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้สำหรับสื่อสารกับลูกค้า และเป็นช่องทางการซื้อขายออนไลน์โดยอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกันกับแพลตฟอร์มของธนาคารทิสโก้เพื่อเชื่อมโยงลูกค้าของธนาคารให้เห็นถึงความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ บลจ. ทิสโก้ คิดค้นขึ้นขณะเดียวกันเราก็มีฐานลูกค้ากองทุนสำรอง เลี้ยงชีพ ที่สามารถใช้ช่องทางนี้ในการทำตลาดข้ามไปที่กองทุนรวมต่อได้อีก ดังนั้น การพัฒนา แอปพลิเคชั่นในครั้งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าปัจจุบันได้ซื้อ ขายคล่องตัวมากขึ้น และยังเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าให้กับ บลจ.ทิสโก้ได้อีกด้วย” คุณธีรนาถกล่าว

ในทุกๆ จังหวะของการลงทุนจำเป็นต้องรู้ลึกถึงกลยุทธ์ และสถานการณ์เศรษฐกิจ เพื่อประกอบการตัดสินใจ คุณภาวิณีจึงเปิดมุมมองภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2018 ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกอยู่ในทิศทางขาขึ้น นำโดยอัตรา ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 1.75% จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 2.25-2.50%

แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ดังกล่าวอาจไม่ได้ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย จำเป็นต้องขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามมาเนื่องด้วยสภาพคล่องที่ยังล้นระบบอยู่จึงประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะยังคงไว้ที่ระดับ 1.50% ตลอดทั้งปี 2018 และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีกครั้งในปี 2019

ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกมีแนวโน้มขยับขึ้นเช่นกัน ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนในตลาด ตราสารหนี้ (Bond Yield) ปรับตัวขึ้น ดังนั้นในภาวะที่ Bond Yield อยู่ในขาขึ้นเช่นนี้การลงทุนในตราสารหนี้จึงอาจจะไม่คุ้มค่าโดยเฉพาะ ตราสารหนี้ต่างประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ระยะยาว ส่วนตราสารหนี้ไทยก็มีแรงกดดันจากการจัดเก็บภาษี พ.ร.บ. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม ทำให้ Bond Yield ไม่น่าสนใจมากนัก

กลับไปที่การลงทุนในตลาดหุ้น คุณภาวิณีประเมินว่าตลาดหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนในตลาดหุ้นในปีนี้ยังเป็นบวก จากผลของเศรษฐกิจโลก ที่ขยายตัวได้ดีซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตลาดหุ้นยังเป็นขาขึ้นต่อไป แม้ว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจะมีการปรับฐานลงมาบ้างแล้ว แต่มองว่าเป็นการปรับลงแบบ Healthy Correction หรือการปรับฐานแบบสุขภาพดี ด้านตลาดหุ้นไทยโดยรวมยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง และมีปัจจัยบวกรออยู่ หลายด้าน เช่น การเลือกตั้งในปี 2562 ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

file


ภายใต้บริบทของตลาดเงินดังกล่าว บลจ. ทิสโก้ แนะนำให้ลูกค้าจัดพอร์ตการลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง ทั้งในแง่ของตลาด (ตลาดประเทศพัฒนาแล้ว : Developed Markets และตลาดประเทศกำลังพัฒนา : Emerging Markets) และในแง่ของสินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยง ยกตัวอย่าง ปีนี้ ตลาดหุ้นใน Developed Markets ตลาดญี่ปุ่นมีความน่าสนใจมากกว่าตลาดสหรัฐฯ และยุโรป เนื่องจากญี่ปุ่นจะเป็นประเทศสุดท้ายที่จะยกเลิกมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (Quantitative Easing : QE) ซึ่งเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องแต่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วนสหรัฐฯ มีภาพรวมเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี แต่หุ้นได้ปรับขึ้นมาแพงแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนและปรับฐานลงได้ แต่มองว่ายัง Healthy Correction ดังนั้นการลงทุนในระยะสั้น 1-2 ปี ยังมีความ น่าสนใจอยู่

โดยตลาดหุ้น Emerging Markets เป็นตลาดที่ให้น้ำหนักการลงทุน โดยเฉพาะประเทศในเอเชีย เช่น จีน ที่ราคาหุ้นยังถูก อินเดียที่มีแนวโน้มเติบโตและในระยะยาวเศรษฐกิจยังขยายตัวต่อเนื่องเพราะมีประชากรในวัยทำงานสูง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยนั้นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ดีอ ย่างต่อเนื่อง และราคาหุ้นไทยเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ยังแข่งขันได้ ดังนั้น มุมมองระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่ยังน่าสนใจมาก ทั้งนี้หากมีการเลือกตั้ง คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยิ่งน่าสนใจมากขึ้น

ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ไทยน่าสนใจกว่าลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยแนะนำการลงทุนให้ลูกค้าลงทุนในกองทุนผสม เพราะหากลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียวนั้นผลตอบแทนไม่ได้อยู่ ในระดับที่น่าสนใจนัก ซึ่งปีนี้คาดว่าผลตอบแทนจะอยู่ในระดับต่ำสุด แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้ หากลูกค้ารับความเสี่ยงได้น้อย แนะนำลงทุนในหุ้นประมาณ 20% หรือไม่เกิน 30% ซึ่งประมาณการณ์ผลตอบแทนเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ 3.0-3.5% ถ้ารับความเสี่ยงได้สูง ลูกค้าสามารถลงทุนในหุ้นได้สูงถึง 65% ประมาณการณ์ผลตอบแทนเบื้องต้นอาจสูงกว่า 5%

ที่สุดแล้ว ทั้งการพัฒนา Innovative Product ใหม่ตลอดจนการเพิ่มช่องทางการติดต่อ และการให้คำแนะนำการจัดพอร์ตลงทุนจากทั้ง Relationship Manager และ Investment Consultant ก็เพื่อให้ลูกค้าของ บลจ.ทิสโก้ทุกกลุ่มสามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุน ตามคาดหวัง ซึ่งความสำเร็จของลูกค้าคือสิ่งที่สะท้อนถึงความสำเร็จของ บลจ.ทิสโก้ ได้ดีที่สุดนั่นเอง