คุณสุทัศน์ เรืองมานะมงคล

ปีแห่งความสำเร็จของทิสโก้ ก้าวขึ้นปีที่ 50 สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 47 | คอลัมน์ Exclusive

ปี 2561 เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งความท้าทายสำหรับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการเงินการธนาคาร ที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (Disruption) และต้องรับมือกับความผันผวนทั้งที่คาดการณ์ได้และคาดการณ์ไม่ได้จากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ

แต่สำหรับกลุ่มทิสโก้กลับเป็นปีแห่งความสำเร็จอย่างงดงามทั้งในมิติของผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากอัตรากำไรสุทธิสูงสุดในรอบ 5 ปี และมิติเชิงคุณภาพของการบริหารจัดการ การันตีด้วยรางวัลถึง 13 รางวัล อันนำความภาคภูมิใจและกำลังใจมาสู่ชาวทิสโก้ ขณะเดียวกันก็ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าและลูกค้าของกลุ่มทิสโก้ที่ร่วมทางกันมายาวนาน

เนื่องในโอกาสต้อนรับปี “หมูทอง” TRUST Magazine ได้รับเกียรติจาก คุณสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ มาถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จของปี 2561 และบอกเล่าถึงวิสัยทัศน์และทิศทางธุรกิจจากรากฐานที่แข็งแกร่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มทิสโก้

ถอดรหัสความสำเร็จแห่งปี 2561

หากพิจารณาความสำเร็จของกลุ่มทิสโก้ผ่านผลประกอบการ คุณสุทัศน์ เล่าว่า ในปี 2561 ธุรกิจที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมหลายธุรกิจมีการเติบโตที่ดีมาก เช่น ธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ที่เติบโตประมาณ 10% ต่อเนื่องทุกปี ธุรกิจบริหารจัดการกองทุนก็เติบโตติดต่อกันมาหลายปี ส่วนธุรกิจสินเชื่อเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงทำให้ภาพรวมทั้งตลาดเติบโตได้ไม่มากนัก โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย ซึ่งทิสโก้มีสัดส่วนสินเชื่อดังกล่าวถึง 70-75% แม้ว่าขนาดสินเชื่อของทิสโก้ไม่ได้เติบโตนัก แต่โดยรวมบริษัทกลับมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยกุญแจความสำเร็จ คุณสุทัศน์มองว่า มาจากความร่วมมือร่วมใจในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการคัดเลือกสินเชื่อที่มีคุณภาพและเอาจริงเอาจังในการบริหารสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อย่างมีประสิทธิผล และสามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

“การแข่งขันที่รุนแรงทำให้เราต้องพยายามแข่งอย่างมีสติ ด้วยการรักษาการเติบโตให้มีคุณภาพ โดยเลือกแข่งในสิ่งที่จะนำไปสู่ประโยชน์ระยะยาวให้กับบริษัท เราจะไม่แข่งเพียงเพราะต้องการขยายปริมาณสินเชื่อหรือทำให้ขนาดสินทรัพย์ใหญ่ขึ้น แต่ถ้าในระยะยาวสินทรัพย์นั้นอาจไม่ก่อให้เกิดรายได้ เราจะไม่ยอม Compromise ในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ แม้ว่าเราเองจะอยากไปให้ถึงเป้าหมาย แต่ถ้าต้องแลกกับสินทรัพย์ที่ไม่มีคุณภาพในระยะยาว เรายอมไม่ถึงเป้าดีกว่า นี่คือหลักคิดของทิสโก้ที่ทุกคนยึดถือมาตลอด ปี 2562 เราครบรอบ 50 ปี และเราก็หวังจะฉลองครบ 100 ปี ในอีก 50 ปีข้างหน้า ฉะนั้น บริษัทต้องมองระยะยาวในเรื่องการเติบโตที่ยั่งยืน”

คุณสุทัศน์ย้ำว่า ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของทิสโก้ในปี 2561 นี้ ไม่ได้เป็นผลสำเร็จของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง และไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาชั่วข้ามคืน แต่เป็นวิถีการปฏิบัติงานแบบร่วมแรงร่วมใจของพนักงานทิสโก้ร่วม 5,000 คน โดยเฉพาะแนวคิดในการทำงานที่มุ่งเน้นหลักการด้านคุณภาพสินทรัพย์การควบคุมต้นทุนดำเนินงาน และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้นอยู่เสมอเพื่อสั่งสมมูลค่าเพิ่มในระยะยาวของบริษัทซึ่งสุดท้ายแล้วพนักงานก็จะได้รับผลตอบแทนจากความทุ่มเทเหล่านั้นไปด้วย ในฐานะผู้มีส่วนร่วม (Stakeholder) ที่สำคัญของบริษัท

“ที่นี่ พนักงานของบริษัทถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ แม้จะกินเงินเดือน แต่ถ้าบริษัทไม่มีเรา เขาก็อยู่ไม่ได้ เจ้าของบริษัทก็หวังพึ่งเราที่จะทำงานให้เขา ซึ่งถ้าเราทำให้บริษัทดี เราก็ได้ดีด้วย เหมือนกับระบบกงสีของเถ้าแก่ ที่ถ้าธุรกิจมีรายได้ดีก็จะมีการนำแต๊ะเอียมาแบ่งปันกัน”

file

หลักฐานที่ยืนยันความสำเร็จอย่างสูงของกลุ่มทิสโก้ในปี 2561 คือการได้รับรางวัลจากหลากหลายเวที มากถึง 13 รางวัล โดยไม่เพียงรางวัลที่ยืนยันผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม กลุ่มทิสโก้ยังคว้ารางวัลด้านการกำกับดูแลธรรมาภิบาลที่ดีมาได้ด้วยซึ่งทั้ง 13 รางวัล ที่กลุ่มทิสโก้ได้รับในปี 2561 นี้ ล้วนสะท้อนถึงการได้รับการยอมรับในเรื่องมาตรฐาน คุณภาพ และความน่าเชื่อถือในระดับสากล

“ในฐานะพนักงานทิสโก้คนหนึ่ง ผมก็มีความภูมิใจ แต่อยากจะเรียนว่ารางวัลที่ได้ไม่ได้เกิดจากผลงานที่ทำกัน 1-2 ปี แต่ผมถือว่าเป็นจังหวะการออกดอกออกผลจากสิ่งที่สั่งสมกันมาตลอด 49 ปี บางปีเราเหนื่อยกว่านี้ทำกันแทบตายแต่ไม่ได้รางวัลอะไรก็มี ฉะนั้น ถ้าไม่ได้รางวัลก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะมันไม่ได้หมายความว่าเราทำไม่ดี แต่บังเอิญมีคนอื่นทำดีขึ้นกว่าหรือมีโชคมาประกอบ ดังนั้น ไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้รางวัล สิ่งที่ทุกคนต้องทำต่อไปเหมือนในอดีตที่ผ่านมา คือพยายามพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นและร่วมกันพัฒนาบริษัทให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ”

คุณสุทัศน์สรุปว่า ความสำเร็จอย่างสูงในปี 2561 ไม่ว่าจะวัดผลในเชิงปริมาณ (อัตรากำไร) หรือเชิงคุณภาพ (รางวัลต่างๆ) มาจากปรัชญาการทำงานของกลุ่มทิสโก้ที่มุ่งเน้นการบริการอย่างมีคุณภาพและมีธรรมาภิบาล เพื่อทำให้ทั้งลูกค้าและบริษัทได้รับประโยชน์สูงสุดร่วมกัน (Win-Win) ซึ่งหลักการและแก่นแท้ของปรัชญาธุรกิจนี้ไม่ได้ผิดแผกจากอดีต มีเพียงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้ทันยุคทันสมัย

“ธุรกิจการเงินและบริการสมัยนี้ สิ่งสำคัญคือ ต้องเร็วมากและต้องมีคุณภาพ ถามว่าลูกค้ามองว่าเสน่ห์ของทิสโก้อยู่ตรงไหน ผมคิดว่า คือความจริงใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ เราจะคิดแทนลูกค้าโดยถามตัวเองก่อนว่า ถ้าเป็นเรา เราจะซื้อไหม บริการนี้ได้ประโยชน์ไหม ราคาดีที่สุดกับลูกค้าไหม มีอะไรที่เราสามารถต่อรองจากคู่ค้ามาให้ลูกค้าได้อีกไหม เพื่อให้ทั้งลูกค้าและเรา รวมถึงคู่ค้าได้ประโยชน์สูงสุดร่วมกันจากสิ่งที่เราเลือกนี่คงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของทิสโก้ที่ทำให้ลูกค้าให้ความไว้วางใจ”

ทิศทางธุรกิจปี 62

คุณสุทัศน์มองว่า หลักการที่เป็นกุญแจความสำเร็จของทิสโก้ในปี 2561 ยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ต้องดำเนินต่อไปและต้องเข้มข้นมากขึ้นในปี 2562 โดยเฉพาะการให้บริการที่ต้องเน้นคุณภาพมาก่อน ขณะที่ความเร็วและความถูกต้อง ก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดพร้อมกับการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงพัฒนาบริการใหม่ๆ และช่องทางใหม่ในการเข้าถึงลูกค้าโดยเฉพาะช่องทางดิจิทัล

คุณสุทัศน์ เรืองมานะมงคล

“หลายคนอาจมองว่าเทคโนโลยีเป็นความท้าทาย เป็นการเขย่า (Disrupt) วงการการเงินการธนาคาร แต่ผมมองเป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้พนักงานทำงานได้เร็วขึ้นและมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้นประหยัดเวลาและประหยัดต้นทุนขึ้น โดยที่ผ่านมา กลุ่มทิสโก้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการให้บริการที่ดีขึ้น และเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นและง่ายขึ้น”

อีกความท้าทายสำคัญในปี 2562 นอกจากการแข่งขันในธุรกิจการเงินที่จะยังคงดุเดือดเช่นเดิมหรือมากกว่าเดิม ยังมีความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่รุนแรงขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อธุรกิจการเงินในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ความขัดแย้งในทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ก่อตัวขึ้นทั่วโลก รวมถึงความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกจากหลากหลายปัจจัยโดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลกที่มีทิศทางเป็นขาขึ้นในปี 2562 ฯลฯ

“ถ้าดอกเบี้ยขึ้นจริงๆ แน่นอน คนได้ประโยชน์ คือคนฝากเงิน เพราะทนดอกเบี้ยต่ำมานานแล้ว ขณะที่คนกู้เงินจะเริ่มป่วย ถ้ากู้มากเกินไป ต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้จะค่อยๆ ขึ้น ขึ้นเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้นเราในฐานะสถาบันการเงิน ก็ต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น แม้ภาระดอกเบี้ยอาจจะเห็นเพิ่ม 1% ดูว่าน้อย แต่จากการที่แต่ละคนมีทั้งหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต ลูกต้องเข้าโรงเรียน การขึ้นเล็กน้อยอาจจะไม่ไหว เช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ที่มีหนี้มากเกินไป พอต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ก็ลำบาก”

ทั้งนี้ คุณสุทัศน์มองว่า หากมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในประเทศพัฒนาแล้ว อาจจะทำให้ธุรกิจการเงินโลกในปี 2562 ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดทุนโลกมากกว่าที่เกิดขึ้นในปี 2561 เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าหากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลังจากที่ปัจจุบันธนาคารกลางยุโรปได้หยุดอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) เข้าสู่ตลาดแล้วผลกระทบต่อตลาดทุนโลกจะมากกว่าผลกระทบที่เกิดจากสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2561 ที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปทุกประเทศรวมกันมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ

“ผมมองว่า ปี 2562 ทุกคนต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้จ่ายและการลงทุนเพราะตลาดทุน ตลาดเงิน อัตราดอกเบี้ยจะมีความผันผวนมากกว่าปี 2561 มาจากสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ทางยุโรปต้องปรับขึ้นตาม ปนกับสงครามการค้าที่จะทำให้ค่าเงินผันผวนในระยะสั้น เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดทุนโลกจะมีการโยกย้ายเงินบ่อยขึ้นโดยไม่จำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงจากข่าวความไม่แน่นอนที่ออกมา”

ดังจะเห็นว่า ปัจจัยอันนำไปสู่ความผันผวนต่างๆ นั้นล้วนเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก คุณสุทัศน์จึงมองว่า 2562 น่าจะเป็นปีที่กลุ่มทิสโก้จำเป็นต้องดำเนินงานอย่าง “ระมัดระวัง” มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตลอดปี 2562

อย่างไรก็ดี สำหรับประเทศไทย อาจมีข่าวดีในปี 2562 หากการจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างราบรื่น และได้รัฐบาลที่มีความมั่นคงเข้ามาบริหารประเทศ อันจะทำให้เกิดผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในเรื่องความต่อเนื่องในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไปได้ในระยะยาว

“หากเปรียบกับคน การก้าวเข้าสู่ปีที่ 50ของทิสโก้ อาจมองว่าได้เดินทางมาครึ่งชีวิตแล้ว แต่ทั่วโลกมีบริษัทเก่าแก่มากมายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งมาได้จนหลายร้อยปี ทิสโก้เองก็มุ่งหวังและมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อสร้างรากฐานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน อยู่คู่สังคมไทย และสร้างประโยชน์ให้กับคนไทย ไปตลอดชั่วลูกชั่วหลาน" ผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มทิสโก้ทิ้งท้าย


รางวัลแห่งคุณภาพปี 2561 ที่กลุ่มทิสโก้ได้รับ

file
  • รางวัลด้านผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม Best Company Performance Award จากเวที SET Awards 2018
  • รางวัลด้านธรรมาภิบาล Asean CG Award จากเวที ASEAN Capital Market Forum
  • รางวัลรายงานความยั่งยืนระดับดีเด่น จากสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย
  • รางวัล “หุ้นยั่งยืน” หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI)
  • ได้รับคัดเลือกเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นด้านการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมภิบาล ESG 100 โดยสถาบันไทยพัฒน์
  • รางวัล Distinguished Financial Management จากเวที Thailand Corporate Excellence Awards โดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกับสถาบันศศินทร์
  • รางวัล Top Bank in Corporate Bonds จาก The Asset
  • รางวัล Best Provident Fund Provider Thailand 2018 จาก Global Banking and Finance Review
  • รางวัล Most Innovative Asset Management Company – Thailand 2018 จัดโดย International Finance (UK)