
MEET THE FLOWER OF HOPE ทำความรู้จัก ‘โฮป’ ดอกไม้แห่งความหวังจาก Vachboy
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 72 | คอลัมน์ Living Art

มากกว่าความสดใสและสีสันฉูดฉาด ‘HOPE (โฮป)’ คือคาแรกเตอร์ดอกไม้ที่ ‘Vachboy’ หรือ ‘บุ๋น’ วัชรพงศ์ บูรณะกิจเจริญ ศิลปินแนวนีโอ ป๊อบอาร์ต (Neo-Pop Art) ตั้งใจรังสรรค์จากประสบการณ์ชีวิตของตนเอง เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวแห่งความหวัง และเยียวยาจิตใจแก่เหล่าผู้ชมงาน
หลังจบการศึกษาจากคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร คุณบุ๋นผ่านบทบาทอาชีพในสายงานกราฟิกและครีเอทีฟมากว่าสิบปี เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ เขาได้พบเจออุปสรรคมากมาย จนเมื่อตกผลึกทางความคิด เขาจึงตัดสินใจว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะเป็นศิลปิน เพื่อเล่าเรื่องผ่านงานศิลปะที่สามารถเข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนได้
“ผมรู้ตัวว่าตัวเองวาดรูปเก่งตอนเข้าโรงเรียนแล้ว เพื่อนบอกว่าภาพวาดของผมสวย แล้วเขาก็มามุงดูกัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดว่าจะทำเป็นอาชีพ จนกระทั่งเข้ามัธยมปลาย แล้วต้องเลือกสายว่าจะเอนทรานซ์สายไหน ตอนแรกคุณพ่ออยากให้เป็นคุณหมอเหมือนกัน แต่ไม่ได้บังคับ ส่วนคุณแม่แนะนำว่า ผมควรจะไปสายวาดรูป สุดท้ายก็เลือกเรียนศิลปะที่ศิลปากร เอกจิตรกรรม ซึ่งได้รับการเรียนการสอนเพื่อเป็นศิลปิน”
ทว่าพอเรียนจบ คุณบุ๋นบอกว่าตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มเส้นทางสายศิลปินให้ตัวเองอย่างไร “ตอนนั้นคิดว่าคนที่จะเป็นศิลปินน่าจะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงจากการประกวด แต่ตอนเรียนผมไม่ได้ไปทางนั้นเลย จึงเลือกทํางานในสายโฆษณา สายเอเจนซีมาสักระยะหนึ่ง เมื่อเราโตขึ้น ผ่านประสบการณ์ความผิดหวัง ความสมหวังต่าง ๆ ก็รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะถ่ายทอดเรื่องราวบางอย่างให้คนอื่น”
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง “หากให้คิดย้อนไป ผมก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้รีบที่จะเป็นศิลปินตั้งแต่เรียนจบ เพราะในช่วงวัยนั้นผมคิดว่าตัวเองยังไม่มีประสบการณ์ชีวิตมากพอ”

จาก ‘วัชรพงศ์’ สู่ ‘Vachboy’
กับก้าวใหม่บนเส้นทางสายศิลปิน
ก้าวแรกในฐานะศิลปินของคุณบุ๋น เริ่มต้นขึ้นช่วงปลายปี 2566 เมื่อชุดผลงานของเขาในนาม ‘Vachboy’ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในศิลปิน 100 คน ที่ได้จัดแสดงในงาน Bangkok Illustration Fair (BKKIF) ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร “ช่วงปลายปี 2566 ผมส่งผลงานไปที่ BKKIF เพราะคิดว่างานนี้เหมาะกับสิ่งที่เราต้องการจะนำเสนอ และผลงานก็ได้รับเลือกไปจัดแสดง ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเส้นทางศิลปินของผมอย่างจริงจัง” คุณบุ๋นเล่าถึงเส้นทางสายศิลปินที่เขาเพิ่งเริ่มต้นได้เพียงไม่นาน และแน่นอนว่าการเปลี่ยนสายอาชีพคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และได้รับเสียงตอบรับจากผู้คนที่แวดล้อมแตกต่างกันไป
“ตอนที่ผมอยากเริ่มต้นอาชีพศิลปิน มีคนรอบข้างหลายคนที่ไม่เห็นด้วย และไม่เข้าใจว่าศิลปินคืออะไร ทำอะไร ท่ามกลางความโดดเดี่ยว ช่วงนั้นเราต้องหนักแน่นมาก ๆ เหมือนเป็นบทพิสูจน์ของชีวิต เพราะเราไม่รู้หรอกว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง มันก็เหมือนเราเป็นดอกไม้ที่รอวันเบ่งบาน และทำให้ผมคิดว่าคงมีอีกหลายคนที่มีช่วงเวลาหรือมีความฝันที่ไม่มีใครเข้าใจ ผมเชื่อว่าต้องมีคนที่มีความรู้สึกแบบเดียวกับผม ที่ต้องการเบ่งบานให้คนรอบข้างได้เห็น”
ต้นกำเนิด HOPE (โฮป) ที่สะท้อนตัวตนของศิลปินอย่างลึกซึ้ง
ขณะที่รอการผลิดอกออกใบในสายอาชีพที่ใฝ่ฝัน คุณบุ๋นได้ค้นพบแก่นความคิดที่สร้างเอกลักษณ์แก่ผลงานของเขา “ช่วงแรก ๆ ที่เริ่มต้นคือการค้นหาตัวตน ตอนเรียน เราผ่านการวาดรูปมาแล้วทุกแบบ ตอนวาดภาพเรียลลิสติก (Realistic Art) ก็อยากจะเอาชนะด้วยความสมจริง ใครยิ่งวาดได้เหมือนเท่าไหร่ยิ่งเก่ง ตอนแรกอยากไปทางนั้นเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ต้องให้ความสำคัญกับขั้นตอนและวิธีการสร้างงานด้วย เพราะถ้าลงมือวาดอย่างเอาเป็นเอาตาย ต่อให้ผลงานดีมากแค่ไหน เราก็จะเครียดและไม่มีความสุขกับการทำงานอยู่ดี”
ระหว่างการค้นหาตัวเอง คุณบุ๋นได้ย้อนกลับไปนึกถึงตอนเด็ก ๆ ที่เริ่มวาดการ์ตูนและเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข “ตอนเด็ก ๆ พ่อกับแม่ทํางานหนักทั้งคู่ ท่านก็จะเตรียมกระดาษไว้ให้ผมวาดภาพระหว่างที่ท่านทํางาน แล้วผมก็ทําได้ดีมาก แรก ๆ ก็เริ่มจากวาดพวกการ์ตูนที่ชอบ เช่น พวกไดโนเสาร์ หรือ Tom and Jerry แล้วตอนที่ผมกำลังสร้างคาแรกเตอร์ ก็ลองวาดไปเรื่อย ๆ แล้วก็นึกออกว่า เราชอบวาดการ์ตูนแนวป๊อบมาก ๆ แล้วพอได้ลองวาดดอกไม้ครั้งแรก ก็รู้สึกว่ามันเชื่อมโยงกับตัวตนของผมมาก ๆ”
มองเผิน ๆ HOPE อาจดูเป็นเพียงคาแรกเตอร์แบบป๊อบอาร์ตสีสันฉูดฉาด แต่ลึกลงไป ทุกภาพของ ‘โฮป’ แฝงไว้ด้วยความหมายเสมอ “โฮปมีจุดเริ่มต้นมาจากตัวผมเอง เรามีความหวังและเชื่อมั่นในสิ่งที่เลือก แต่ก็รู้ว่าความผิดหวังจะมาคู่กับความหวังเสมอ ตอนแรกผมวาดดวงตาของโฮปเหมือนกันทั้งสองข้าง แต่คิดอีกทีน่าจะไม่ใช่เรา เพราะบนเส้นทางของความหวัง เราต้องเจออุปสรรค เจอความเจ็บปวดในชีวิตเสมอ แล้วก็ต้องผ่านมันไปได้ ผมเลยวาดตาข้างหนึ่งเป็นกากบาทเหมือนการ์ตูนที่ดูตอนเด็ก ๆ แบบเป็นตัวการ์ตูนถูกต่อยตาบวมเป็นขีดกากบาท เป็นการสะท้อนความจริงลงในคาแรกเตอร์เพื่อให้เห็นความสุขความทุกข์ที่ปะปนอยู่ในชีวิต”
I HOPE SO ผลงานนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรก
จุดเริ่มต้นของการเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
“แกลเลอรีเร้ดโคส (Red.cose) มาเจอผมที่งาน BKKIF แล้วเห็นว่าผลงานน่าสนใจ เลยชวนไปแสดงงานเดี่ยว ผมก็ตกลงเพราะอยากทำอยู่แล้ว ใช้เวลาเตรียมตัวประมาณหนึ่งปีครับในการสเกตช์และเพนต์ทั้งหมด นิทรรศการเดี่ยวมีความยากตรงที่ผลงานทั้งหมดต้องมีเรื่องราว มีที่มาเดียวกัน และแต่ละภาพต้องมีความหมายจบในตัวเอง ต้องคิดถึงการเดินดูงานของผู้ชมด้วยว่า เราอยากเปิดด้วยชิ้นงานไหน แล้วแต่ละชิ้นงานควรเรียงลำดับยังไง”
คุณบุ๋นบอกว่า…การทำงานครั้งนั้น เขารู้สึกกดดันมาก ๆ เนื่องจากเป็นงานโซโล่ครั้งแรกที่ไม่รู้เลยว่า ผลตอบรับจะเป็นอย่างไร ผลงานจะดีหรือไม่ดีในสายตาผู้ชม โดยเป็นหนึ่งปีเต็ม ๆ ที่คุณบุ๋นต้องเดินทางบนความหวังและความเชื่อมั่นของตัวเอง และนั่นก็คือที่มาของชื่อนิทรรศการ ‘I Hope So’ เปิดตัว ‘HOPE (โฮป)’ ที่ได้ผลิบานอย่างสวยงามในใจผู้ชม
“ผลตอบรับดีมากครับ คนให้ความสนใจ คนชอบผลงานเยอะมาก แบรนด์ต่าง ๆ ก็เริ่มเห็นงานของเรา ไม่คิดว่าน้องโฮปจะเป็นที่รักขนาดนี้ครับ”
นิทรรศการ Wave of Bloom ณ SEA LIFE Bangkok

ครั้งแรกกับการแสดงผลงานเดี่ยวที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ SEA LIFE Bangkok ทำให้คุณบุ๋นได้นำโฮปให้เติบโตไปอีกขั้น “ตื่นเต้นมากครับ เพราะการได้แสดงงานในอะควาเรียมเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ พื้นที่ที่ใหญ่มาก ทำให้ต้องดีไซน์เส้นทางชมงานและการเล่าเรื่องค่อนข้างละเอียด เพราะถ้าชิ้นงานน้อยไปก็จะไม่น่าสนใจ แต่ถ้าจัดแสดงมากไป ก็จะเบียดบังความเป็นอะควาเรียม”
คอนเซปต์ของนิทรรศการครั้งนี้เกิดจากการที่คุณบุ๋นต้องการเชื่อมโยงโฮปเข้ากับโลกใต้น้ำ ซึ่งไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่ดอกไม้คุ้นเคย โดยเล่าเรื่องผ่านชิ้นงานความหลากหลาย รวมถึงมีข้อความกำกับในแต่ละจุดแสดงงาน ด้วยตัวอักษรที่เขาออกแบบเอง “เรื่องราวของ Wave of Bloom เกิดขึ้นเมื่อโฮปพลัดตกลงน้ำ แล้วหลงไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน แต่สุดท้ายก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง และเติบโตอีกขั้นในเวอร์ชันที่ดีขึ้นครับ”
ภายในระยะเวลาเพียงสองปีกว่า คุณบุ๋นได้มีโอกาสสร้างสรรค์งานในรูปแบบที่หลากหลาย และขณะที่พูดคุยกัน เขาก็กำลังสร้างสรรค์งานเพื่อจัดแสดงนิทรรศการเดี่ยวครั้งต่อไป “งานครั้งต่อไปจะเป็นการถ่ายทอดความนึกคิดที่เข้มข้นขึ้น ผมอยากให้น้องโฮปเติบโตตามประสบการณ์และความคิดของผมครับ”
จากงานเบื้องหลังในสายอาชีพครีเอทีฟสู่การเป็นเบื้องหน้าในฐานะศิลปินเต็มตัว สิ่งที่สำคัญสำหรับคุณบุ๋น คือ การเข้าใจตัวเอง เข้าใจโลก และการสร้างงานที่สร้างประโยชน์แก่ผู้คนและสังคม “การมาทำงานอยู่เบื้องหน้าก็ต้องรักษาตัวตนของเราไว้ให้ได้ และยึดมั่นในจุดประสงค์ในการสร้างงานศิลปะ ที่อยากจะสร้างแรงกระเพื่อมให้คนดูและสังคม”
ในวัยสามสิบกว่าที่เปี่ยมด้วยความสามารถ พลัง และความหวัง คุณบุ๋นตั้งใจจะพาผลงานก้าวไปสู่ระดับสากล “ผมตั้งใจอยากสร้างงานให้ไปถึงระดับโลกให้ได้ครับ แต่เราก็ต้องอยู่ในโลกความเป็นจริงที่ทุกอย่างอาจไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เสมอไป ซึ่งถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ที่ทำได้แน่ ๆ คือการสร้างสรรค์ผลงานไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะทำไม่ไหวครับ”


