
สุนิษา อัศวินรุ่งโรจน์ ศิลปินงานปักผ้า ‘Embroidery Art’ ที่งดงามราวภาพเขียน
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 74 | คอลัมน์ Living Art
หากพูดถึง ‘ศิลปินงานปักผ้า’ คนไทยที่ชาวอาร์ตเลิฟเวอร์ชื่นชมผลงานและเป็นที่รู้จักในวันนี้ จะมีชื่อ ‘กี้-สุนิษา อัศวินรุ่งโรจน์’ เจ้าของงานศิลปะปักผ้า ‘Embroidery Art’ กับภาพลักษณ์ที่ถูกจดจำภายใต้ซีรีส์กระต่ายแสนน่ารักที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ของตัวเธอเอง เพื่อสื่อความหมายแห่งความมีชีวิตชีวา ความสนุก ความหวัง เต็มไปด้วยพลังความสุขที่ตัวศิลปินกล่าวว่า “เป็นคาแรกเตอร์ที่อยากให้คนมองแล้วยิ้ม เหมือนที่ลูกค้าต่างประเทศคนหนึ่งเคยบอกว่า...เขาซื้อไปแขวนในบ้าน เมื่อเปิดประตูเข้าบ้านครั้งใดก็จะเห็น ซึ่งพอเห็นทุกครั้งก็จะอารมณ์ดี ยิ่งวันที่เขาเจอเรื่องไม่ดีมา เมื่อกลับบ้านแล้วเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพนี้ ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้จริง ๆ”
เปิด ‘โลกแห่งศิลปะ’ สู่ Embroidery Artist
คุณกี้เล่าว่า ‘โลกแห่งศิลปะ’ เกิดขึ้นในช่วงท้าย ๆ ของการเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่เธอได้มีโอกาสเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากรเพื่อไปหารุ่นพี่คนหนึ่ง และครั้งนั้นเองที่เธอได้เปิดโลกใหม่ของตัวเอง
“จากจุดเริ่มต้นที่ไม่เคยรู้จักเลยว่า มีอาชีพศิลปินในโลกนี้ด้วย ในตอนนั้น กี้ก็เหมือนเด็กมัธยมฯ หลายคนที่รู้จักอาชีพเบสิก เช่น หมอ พยาบาล ครู ฯลฯ จนกระทั่งก่อนขึ้น ม.6 เพื่อนชวนไปศิลปากรค่ะ ได้ไปรู้จักรุ่นพี่ที่นั่น แล้วก็ได้เปิดโลกเราเลยตอนนั้น อ๋อ…เป็นมหาวิทยาลัยสอนศิลปะ สอนวาดรูป กี้สนใจมาก อยากเรียนที่นี่ ซึ่งศิลปากรก็มีสอนติวด้วย หลังเลิกเรียนและเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้เริ่มไปติวเพื่อสอบเข้าให้ได้”
จากวันที่ค้นพบแพสชันด้านศิลปะสู่ความมุ่งมั่นตั้งใจทำให้ได้เข้าเรียนภาควิชาประยุกต์ศิลป์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งวิถีการเรียนของระดับปริญญาตรีในช่วงหนึ่ง คือการสร้างสรรค์งานเพนต์มาโดยตลอด แต่เป็นงานเพนต์ที่เธอบอกว่ายังไม่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง กระทั่งประจวบเหมาะในช่วงเรียนปี 3 ที่หน่วยกิตการเรียนขาดหายไปและต้องลงเรียนวิชาเลือกเสรี เลยกลายเป็นจังหวะสร้างโอกาสให้ได้เรียนวิชาปักผ้าที่ทำให้เจ้าตัวรู้ว่า ‘ศิลปะปักผ้า คือ ใช่ตัวเองที่สุด’
“ด้วยงานเพนต์ของกี้ยังไม่ได้มีเอกลักษณ์เหมือนคนอื่น ก็ต้องหาแนวที่ใช่ตัวเราที่สุด ปรึกษากับอาจารย์พรพรม ชาววังมาโดยตลอด ซึ่งต้องขอบพระคุณอาจารย์พรพรมมาก ๆ ค่ะ หากไม่มีอาจารย์ กี้คงไม่ได้ทำงานที่ใช่ตัวเองแบบนี้ อาจารย์ทำให้เราค้นพบแนวทางของตัวเองจากการเรียนวิชาศิลปะผ้า (Fabric Art) ที่ได้เรียนรู้การหาผ้าลวดลายต่าง ๆ แล้วมา Collage (ตัด เย็บ ปะ) แล้ว เออ! งานมันดีขึ้นเลย อาจด้วยเรามี Sense ในการเลือกผ้า เลือกน้ำหนักสีต่าง ๆ พอเอามา Collage กันกลายเป็นน่าสนใจ แล้วกี้ก็รู้สึกด้วยว่าสนุกกว่าตอนเพนต์ด้วย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการ ‘ต่อผ้า’ ที่กลายเป็นแนวทางของตัวเอง จากนั้นพอได้เรียนปริญญาโทก็พัฒนางานขึ้น เห็นข้อด้อยของงานตัวเอง มีการลองเริ่มย้อมสีผ้าเอง เพื่อสร้างค่าน้ำหนักและมิติในผลงานมากขึ้น จากนั้นใช้เส้นด้ายในการสร้างลวดลายที่ทำให้งานเราดูกลมกล่อมและละมุนขึ้น”
และนั่นทำให้ชุดผลงาน ‘บทกวีของฤดูกาล’ ที่นอกจากเป็นงานธีสิสตอนเรียนจบปริญญาโทแล้ว ยังได้กลายเป็นผลงานแสดงเดี่ยวครั้งแรกที่ได้รับความอนุเคราะห์จากอดีตเอกอัครราชทูตไทย คุณวรพจน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กับคุณพัชรินทร์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ภริยา มอบโอกาสให้นำผลงานไปแสดง ณ Cassia Gallery ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจในเส้นทางศิลปินอาชีพเป็นอย่างมาก ทว่า ‘ศิลปินงานปักผ้า’ ยังไม่ได้เริ่มในทันที เพราะคุณกี้เลือกไปเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาในภาควิชาศิลปศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
“กี้เป็นอาจารย์รวมราว ๆ 10 ปี แต่เข้าไปแบบ 2 รอบ คือหลังเรียนจบปริญญาโท เข้าไปสอนอยู่ 5 ปี แล้วออกมาเป็นศิลปินอิสระ 5 ปี จากนั้นกลับเข้าไปสอนตอนปี 2565 แต่ด้วยภาระหน้าที่การสอนที่เต็มเวลา จนทำให้เราไม่ได้โฟกัสกับการสร้างงานใหม่ ๆ ของตัวเอง หรือจะทำแต่ละชิ้นงานก็ใช้เวลาค่อนข้างเยอะ แล้วในหัวเราก็ยังมีความคิดเรื่องอาชีพศิลปิน เลยทำให้เกิดทางเลือกของตัวเองขึ้นมาว่า ถ้าวันนี้เราเลือกอาชีพที่มั่นคง ที่ทางบ้านโอเค แต่….แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่จะได้แสดงงานเดี่ยว? จะเป็นตอนหลังเกษียณเหรอ? ถึงตอนนั้นจะมีแรงทำหรือเปล่า? จะมานั่งเสียใจทีหลังไหม? เอาว่ะ…ตัดสินใจลาออกมาเป็น Artist เต็มตัวเลยตอนปี 2568 นี้เองค่ะ” เรียกว่าเส้นทางอาชีพศิลปินด้านศิลปะเริ่มต้นอีกครั้งในระยะเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน
‘Embroidery Art’ ที่งดงามราวภาพเขียน
คุณกี้เป็นคนตั้งชื่องานศิลปะบนเส้นด้ายของตัวเองว่า ‘Embroidery Art’ ที่มาจากการค้นพบแพสชันของตัวเองสู่การสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยการปักผ้าแทนการเพนต์ พร้อมกับการค้นหาแนวทางและภาพลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่าง เพื่อสร้างเป็นซิกเนเจอร์ในงานศิลปะของตัวเอง
“ยอมรับเลยว่า ช่วงที่ค้นหาแนวทางเป็นความยากลำบากมาก มันไม่ได้หากันง่าย ๆ แล้วกี้เชื่อว่า ศิลปินแทบทุกคนต้องพบอุปสรรคแบบเดียวกันนี้ โดยหลังจากออกมาเป็นศิลปินเต็มตัวผ่านไปราว 2 ปี ก็เจอเทคนิคเฉพาะตัวของกี้เองบนงานปักผ้าที่มาจากการต่อยอดงานตัดแปะต่อผ้าที่จะเกิดขอบและเส้นที่ดูชัดเจนจนแข็งเกินไป ไม่สมูท โดยกี้สามารถหาวิธีจัดการผ่านการทดลองไปมาจนได้เทคนิคใหม่ในรูปแบบที่เด่นชัดเฉพาะตัว คือ การใช้ด้ายมาแทนการ Collage ภาพที่มองเผิน ๆ เหมือนงานเพนต์ที่ดูนุ่มละมุน และนั่นทำให้งานของกี้คือใช่เลย ดีใจมาก เราค้นพบมันแล้ว”
‘ซีรีส์กระต่าย’ ซิกเนเจอร์บนงานปักผ้า
จากเทคนิคเฉพาะตัว ‘Embroidery Art’ ผ่านไปไม่นาน ‘ซีรีส์กระต่าย’ ก็ถือกำเนิดและกลายเป็นซิกเนเจอร์ของเธอที่รู้จักกันในแวดวงศิลปะในเวลาไม่นาน
“ซิกเนเจอร์ ‘ซีรีส์กระต่าย’ เกิดขึ้นในวันที่เรากำลังหาตัวตนเพื่อสร้างเอกลักษณ์ในงานศิลปะของตัวเองอีกครั้ง เป็นวันที่กี้เดินทางกลับไปที่บ้านเก่า ไปช่วยคุณแม่จัดบ้าน รื้อโน่นรื้อนี่จนไปเจอกล่องหนึ่ง เป็นกล่องใส่แก๊งของเล่นตั้งแต่วัยเด็กที่เราลืมไปแล้ว ซึ่งมีตุ๊กตากระต่ายสีขาวที่เป็นของเล่นตัวโปรด เราลืมน้องไปแล้ว แบบลืมสนิทเลย พอมาเจออีกครั้ง…เออเนอะ เราไม่ได้เล่นกับเขามานานแสนนานเลย อยากเอาเขากลับมาเล่นในชีวิตของเราอีกครั้ง”
จากนั้นคุณกี้ได้สร้างเป็นคาแรกเตอร์กระต่ายบน Embroidery Art ของตัวเอง แล้วพาเจ้ากระต่ายไปเล่นกับเธอในเหตุการณ์หลากหลาย มีทั้งผจญภัยอย่างสนุกสนาน ณ ดินแดนต่าง ๆ มีความสุขอยู่กับไลฟ์สไตล์ที่จับต้องไม่ได้ในชีวิตจริง จนกลายเป็น ‘ซีรีส์กระต่าย’ ที่เกิดขึ้นจากเรื่องราวในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต พร้อมกับเป็นพลุแจ้งเกิด ‘ศิลปินงานปักผ้า’ ในแวดวงศิลปะไทยที่ถูกพูดถึงผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและงดงามราวภาพเขียน
“แต่ละซีรีส์ของกระต่ายเป็นเรื่องราวของกี้เองเลยค่ะ รูปแบบและอารมณ์ในผลงานแต่ละชิ้นเกิดมาจากอารมณ์ภายในของเราจริง ๆ ที่อยากอยู่ในสถานที่สวยงาม อยากได้ในสิ่งที่ปรารถนา อยากไปในที่ที่อยากไป เช่น กี้ชอบคอลเลกชันเสื้อผ้าหนึ่งของ Gucci เป็นชุดสีฟ้าสวย ๆ กี้ก็เอามาเล่าในกระต่ายของเรา หรืออีกเรื่องเล่าวัยเด็กของแม่ ที่มองเห็นเครื่องบินแล้ววิ่งตาม โดยไม่ได้คิดหรอกว่าวันหนึ่งจะได้นั่งเครื่องบิน กี้ก็มาคิด Story เครื่องบินจะไปไหน แล้วเด็กคนนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้ทำงานต่างประเทศ ได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยวปารีส ก็สร้างซีรีส์กระต่ายเรื่องนี้ขึ้นมาในโลกจินตนาการที่เต็มไปด้วยความสนุกแบบเพ้อฝัน หรืออีกชิ้นเป็นงานที่เกิดจากเรื่องเศร้า ๆ ของกี้ที่กำลังเฮิร์ตเรื่องความกดดันจากการทำงาน เหมือนเราถูกทำร้าย ก็กลายเป็นซีรีส์กระต่ายที่อยู่ในความฝัน เป็นลูกโป่งที่เปรียบเสมือนความเปราะบาง ที่เจ้ากระต่ายอยากรักษาลูกโป่งของตัวเองเอาไว้”
นอกจากนี้ ‘ซีรีส์กระต่าย’ ยังมาจากเรื่องเล่า ตำนาน และความเชื่อต่าง ๆ เช่น กระต่ายเป็นสัตว์มงคลตามความเชื่อของญี่ปุ่น ที่การมีหูยาวเป็นการรับฟังแต่สิ่งที่ดี ๆ และกระต่ายกระโดดไปข้างหน้าอย่างเดียวด้วยขาหลังที่แข็งแรง โดยไม่กระโดดถอยหลัง จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความพยายามก้าวผ่านอุปสรรคเพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมายโดยเร็ว
“กระต่ายสำหรับกี้ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีและความสมบูรณ์ของครอบครัวด้วยค่ะ ซึ่งอันนี้สะท้อนถึงความเป็นตัวเราเลย ด้วยลึก ๆ ตั้งแต่วัยเด็กของกี้ คือ อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์และอบอุ่น”
รวมไปถึงผลงานมาสเตอร์พีซอีกหลายผลงานที่เธอกล่าวย้ำว่า ตั้งใจสร้างสรรค์งานศิลปะทุกชิ้นให้เป็นมาสเตอร์ โดยเส้นทางของอาชีพศิลปินยังคงเป็นความสนุกที่ท้าทาย และยังเป็นเส้นทางแห่งความสุขของชีวิตจากการสร้างสรรค์ผลงานที่สำเร็จและได้รับเสียงชื่นชอบจากผู้คน
“อย่างลูกค้าที่กี้เล่าให้ฟังว่า ซื้องานเราไปติดไว้ พอเปิดประตูเข้าบ้านแล้วเห็น ซึ่งพอเขาบอกเราว่า ‘เมื่อเห็นภาพนี้ทุกครั้ง ฉันมีความสุขมาก’ เราได้ฟังก็ยิ่งมีความสุขด้วยเช่นกันค่ะ แต่อาชีพศิลปินก็ไม่ง่ายเลย มันต้องยืนหยัดด้วยความอดทน และส่งความพยายามและตั้งใจให้เต็มที่ กลุ่มแฟนคลับของกี้ก็หลากหลาย มีทุกเพศทุกวัย ทั้งคนไทยและต่างชาติ กี้ยังมีเด็ก ๆ อายุ 10 ขวบเป็น FC ขอถ่ายรูปและขอโปสการ์ดไปเขียนรูปเล่น ซึ่งแค่นี้ก็สร้างแรงบันดาลใจให้เขาอยากวาดรูป อยากระบายสี นี่ก็เป็นความสุขเล็ก ๆ ที่กี้ได้รับแล้วค่ะ”
ใครอยากชมผลงาน ‘ซีรีส์กระต่าย’ ของคุณกี้ ไปทักทายกันได้ที่ Gallery HOC แกลเลอรีและสตูดิโอทำงานที่เกิดจากการรวมตัวกันของ 4 ศิลปิน 4 สไตล์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร พร้อมงานแสดงผลงานของพวกเขา ได้แก่ พระนาย เกษมถาวรศิลป์ กุลเชษฐ์ ขาวไชยมหา ปฐมพงษ์ ทองล้วน และสุนิษา อัศวินรุ่งโรจน์ โดยผลงานของเธอแสดงอยู่ที่นั่นด้วย ซึ่งแกลเลอรีอยู่ชั้น 3 ของ River City Bangkok
และเมื่อถามถึงงานแสดงเดี่ยว เจ้าตัวขอให้อดใจรอกันอีกนิด แต่ภายใน 2 ปี ‘ซีรีส์กระต่าย’ ชุดใหม่จะออกมาโลดแล่นให้ได้ชมกันผ่านความงดงามราวภาพเขียนของ ‘Embroidery Art’ อย่างแน่นอน
“การแสดงผลงานเดี่ยวต้องใช้ความตั้งใจและทุ่มเทการสร้างผลงานอย่างมาก กี้เองก็เตรียมตัวมาตลอดเพื่อให้ทุกอย่างออกมาพร้อมที่สุด ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ จึงขอฝากทุกท่านติดงานผลงานต่อไปของกี้ด้วยนะคะ”




