ภานุวัจน์ ทองร่มโพธิ์ สานต่อ SF Cinema อย่างมั่นคง เดินหน้ามอบความสุข
เพื่อช่วงเวลาที่ดีที่สุดของทุกคน
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 74 | คอลัมน์ New Generation
ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลที่เต็มไปด้วยแพลตฟอร์มสตรีมมิงให้ดูหนังออนไลน์ กลายเป็นความท้าทายของธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่ต้องมอบประสบการณ์ความบันเทิงใหม่ ๆ ที่แตกต่างและน่าสนใจยิ่งกว่า นั่นทำให้โรงภาพยนตร์ในวันนี้ไม่ใช่แค่โรงฉายหนังอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น Entertainment Destination ของทุกกลุ่มทุกวัย ดังที่ได้พูดคุยกับคุณบอส-ภานุวัจน์ ทองร่มโพธิ์ ผู้บริหารรุ่นที่สามของธุรกิจโรงภาพยนตร์เครือ SF Cinema พร้อมทิศทางการดำเนินกิจการที่ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคง
คุณบอสกล่าวว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงวันนี้ SF Cinema มีข้อได้เปรียบที่มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สำหรับการรองรับงานใหญ่ที่ไม่จำกัดเฉพาะการฉายภาพยนตร์ แนวคิดของการต่อยอดธุรกิจมุ่งสู่การส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้านการเป็นผู้นำของธุรกิจเพื่อความบันเทิงที่มีรูปแบบหลากหลายมากขึ้น
“ผลิตภัณฑ์หลักของ SF ยังคงเป็นภาพยนตร์ แต่เราไม่ได้จำกัดตัวเองไว้เพียงแค่นั้น เราไม่ได้ฉายหนังอย่างเดียว ไม่ได้แค่ขายป๊อบคอร์น ขายน้ำอัดลม แต่จะมีมิติอื่นเพื่อให้ความเป็น ‘Entertainment Destination’ ของเราชัดเจนมากขึ้น ที่ผ่านมาอย่างเช่น มีภาพยนตร์บันทึกการแสดงสดของ Taylor Swift รวมทั้งของศิลปินไทย อย่างล่าสุดที่เราจัดฉาย The Parkinson Chamber Orchestra Concert in Cinema ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก หรือจะเป็นการรวมตัวกันชมแมตช์การแข่งขันกีฬา รวมทั้งการจัดกิจกรรมแฟนมีตต่าง ๆ การจัด Townhall พนักงาน การจัดงานนิทรรศการ หรืองานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เราก็รับทำครับ” คุณบอสกล่าว พร้อมกับตอกย้ำการคัดสรรเนื้อหาที่เหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคคือเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
การให้บริการที่เป็นมากกว่าโรงภาพยนตร์
“วันนี้ลูกค้ามา SF เพราะต้องการเสพคอนเทนต์ ซึ่งการพัฒนาสถานที่ของเราให้เป็นได้มากกว่าโรงภาพยนตร์ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องคัดสรรเนื้อหาที่ถูกใจกับสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ซึ่งก็จะมีหลากหลายกลุ่มด้วย เช่น กลุ่มที่ชอบดูคอนเสิร์ต กลุ่มแฟนคลับซีรีส์วาย ตลาดตอนนี้ไม่ได้มีแค่สินค้าแบบเดียวที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม เหมือนเมื่อก่อนที่ทุกคนต้องไปดูภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ยกตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ เมื่อตลาดเปลี่ยนไป เราก็ต้องคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบความต้องการของผู้บริโภค”
เพราะฉะนั้นต่อให้บางช่วงเวลาที่ SF Cinema ไม่มีภาพยนตร์ที่น่าดึงดูดฉาย ที่นี่ก็ยังมีคอนเทนต์อื่น ๆ อยู่ในโรงหนัง เพราะ SF Cinema คือ Shared Community ที่สามารถเข้ามารวมไว้แห่งเดียวกันได้ “ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการรูปแบบคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น หรือการเลือกคอนเทนต์ที่เจาะผู้ชมเฉพาะกลุ่ม ต่างก็เป็นการส่งเสริมให้ผู้บริโภคกลับมามีพฤติกรรมการเข้าโรงภาพยนตร์ ซึ่งสิ่งนี้คือโจทย์หลักของเรา เมื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจในโรงภาพยนตร์ได้แล้ว เมื่อเขามาแล้วชอบ ความเป็นไปได้ที่เขาจะกลับมาใช้บริการอีกก็มากขึ้น Barrier to Entry ก็จะน้อยลงครับ” คุณบอสกล่าว
ยึดมั่นกับวิสัยทัศน์ขององค์กร
สำหรับธุรกิจ SF Cinema เริ่มต้นก่อตั้งในปี 2545 โดยเริ่มจากการบริหารและเนรมิตพื้นที่ชั้น 7 ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง (MBK) ภายใต้คอนเซปต์ ‘One Floor Entertainment’ ซึ่งมีทั้งโรงภาพยนตร์ ร้านคาราโอเกะ โบว์ลิง ร้านอาหาร และร้านค้าต่าง ๆ และในปัจจุบันได้ขยายสาขาไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย พร้อมการยึดถือคุณค่าดั้งเดิมตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกิจ
“ตั้งแต่เริ่มต้นในยุคของคุณปู่ (สมาน ทองร่มโพธิ์ ผู้ก่อตั้ง SF Cinema) ท่านชอบดูภาพยนตร์มาก ๆ เมื่อเริ่มทำธุรกิจนี้ หัวใจทั้งหมดของท่านก็คือ ‘Giving People Great Time.’ แล้วก็คือวิสัยทัศน์ของเราที่อยากจะมอบความสุข พร้อมประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับทุกคนเมื่อเข้ามาใช้บริการของ SF Cinema ซึ่งยังคงเป็นเช่นนี้ตลอดมา เพราะนี่คือคุณค่าหลักที่พวกเราต่างก็ยึดถือ ในขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาพื้นที่ที่มีอยู่ให้ไปไกลยิ่งกว่าการเป็นโรงภาพยนตร์ นั่นคือการเป็น ‘Entertainment Destination’ ดังที่เล่าไว้ก่อนหน้านี้ครับ”
สำหรับยุคนี้ที่ผู้คนต่างก็สามารถเปิดชมคอนเทนต์ได้จากหน้าจอที่บ้าน คุณบอสในฐานะนักธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงแห่ง SF Cinema กลับมีมุมมองด้านบวกว่า การเข้ามาของสตรีมมิงสามารถช่วยส่งเสริมธุรกิจโรงภาพยนตร์ให้ขยายเติบโตได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน
“ผมมองว่าสตรีมมิงเป็นทั้งคู่แข่งที่เป็นพาร์ตเนอร์ไปในตัวด้วย เพราะเขาก็ช่วยทำตลาด ช่วยสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภค อย่าง Demon Slayer คือทุบสถิติการเปิดตัวภาพยนตร์ ซึ่งสตรีมมิงคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้อานิเมะเรื่องนี้เป็นที่รู้จักทั่วโลก เมื่อมีกระแสความนิยมก็ทำให้ผู้คนต่างรอคอยให้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ โดยถ้าเป็นเมื่อก่อนคอนเทนต์แบบนี้ เรามองว่าทำการตลาดยาก แต่สตรีมมิงสามารถทำให้เป็นที่รู้จัก เมื่อมาสร้างเป็นภาพยนตร์ คนก็อยากดู แล้วพอกลับไปสร้างในรูปแบบซีรีส์ คนก็กลับไปดูสตรีมมิง ผมก็เลยมองว่ามันเป็น Win-Win Situation”
เทคโนโลยีคือหนึ่งในหัวใจสำคัญของ SF Cinema
เพราะต้องการมอบบริการที่สะดวกครบวงจร คุณบอสซึ่งเป็นผู้บริหารควบทั้งตำแหน่ง Chief Financial Officer และ Chief Technology Officer จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเสริมจุดแข็งให้แก่แบรนด์มากขึ้น
“SF ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ดิจิทัลอยู่แล้ว ตั้งแต่ยุคแรก ๆ ที่มีการทำเว็บไซต์ ส่วนโฟกัสของเราตอนนี้คือการให้ความสำคัญกับบริการบนจอมือถือ อยากให้ลูกค้ามี Digital Experience ที่ดี ซื้อตั๋ว จองตั๋ว ทำทุกอย่างได้บนแอปฯ เพราะว่าโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนทุกวันนี้ คือ อยากได้ความสะดวกสบาย ความแน่นอน ความชัดเจน นี่จึงเป็นตัวเสริมที่เข้ามาเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานง่าย ๆ มีปฏิสัมพันธ์กับ SF ได้ตั้งแต่อยู่ที่บ้าน ส่วนในอนาคตวางแผนว่าจะมี Personalized Offers ที่ไม่ใช่แคมเปญการตลาด เช่น สำหรับคนที่ชอบชมภาพยนตร์วันพุธ ระบบอัตโนมัติก็จะจัดข้อเสนอที่เหมาะสำหรับความชอบที่เฉพาะเจาะจง หรือลูกค้าแต่ละคนชอบภาพยนตร์แนวไหน ก็จะจัดข้อเสนอที่มีสิทธิประโยชน์เข้าไปด้วย”
SF Cinema ยังใช้เทคโนโลยี AI เพื่อช่วยจัดโปรแกรมรอบฉายสำหรับแต่ละโรงภาพยนตร์เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการสังเคราะห์ข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ เพื่อวางแผนการฉายภาพยนตร์แต่ละเรื่องให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในแต่ละโรงภาพยนตร์และในแต่ละสาขา รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีของบุคลากรในสังกัดเพื่อให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุด ในยุคที่ทุกอย่างต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วตามพฤติกรรมของผู้บริโภค
“เราให้ Specialist เข้ามาฝึกอบรมทีมงานเพื่อให้เกิด Digital Literacy และทำให้แต่ละแผนกสามารถใช้เครื่องมือและโปรแกรมที่เหมาะสมกับลักษณะงานของพวกเขาได้ เป็นการใช้ AI เพื่อช่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเวลาเท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิมครับ”
สูตรสำคัญสู่ความสำเร็จ
กาลเวลาที่ผ่านมาได้ก่อร่างและสร้างให้ SF Cinema เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากวันแรกในการเกิดขึ้นของโรงภาพยนตร์ที่ MBK จนถึงปัจจุบันที่กำลังจะเปิดตัวสองโรงภาพยนตร์ล่าสุด นั่นคือ ‘โรงภาพยนตร์ SF Cinema สาขามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ’ และ ‘โรงภาพยนตร์ SF Cinema สาขาเซ็นทรัล กระบี่’ ภายใต้การบริหารงานด้วยหัวใจของตระกูลทองร่มโพธิ์ที่ยังคงเชื่อมั่นว่า ทั้งสองแห่งนี้จะเป็น ‘Entertainment Destination’ ที่สร้างความสุขให้กับทุกคนเฉกเช่นโรงภาพยนตร์ในเครือทุกแห่งของ SF
“ปัจจัยหลักของการทำธุรกิจที่นำไปสู่ความสำเร็จมีไม่กี่เรื่องครับ ได้แก่ ‘Best Location’ เราอยู่ในโลเคชันที่ดีที่สุดของบริเวณนั้น ๆ ซึ่งอาจไม่ได้ต้องอยู่ใจกลางเมืองเท่านั้น แต่เป็นโลเคชันที่อยู่ใกล้บริเวณที่อยู่อาศัย รวมถึงโลเคชันในเครือห้างสรรพสินค้าไม่ว่าจะเป็น CPN หรือ Terminal 21 หรือ Robinson หรืออีกหลาย ๆ เครือ รวมถึงการมอบ ‘Best Experience’ ประสบการณ์ที่ดีที่สุด โรงภาพยนตร์ SF มีส่วนต้อนรับ First Class Lounge และเรายังให้ความสำคัญกับเก้าอี้ ระบบเครื่องเสียงและระบบฉาย เหนือสิ่งอื่นใดเรามี ‘Best Content’ ที่หลากหลายพร้อมให้บริการ ดังนั้น เมื่อทุกอย่างอยู่ร่วมกัน ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้าพร้อมจะเลือก” คุณบอสเล่าถึงการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในทุก ๆ ด้าน ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการให้บริการอย่างจริงใจ
วันนี้ โรงภาพยนตร์ SF Cinema คือ สถานที่แห่งความสุข คุณจะได้ความทรงจำที่ดี พวกเรายินดีให้บริการในทุกขั้นตอน ไม่ว่าลูกค้ามีปัญหาเรื่องการซื้อตั๋ว เรายินดีซัปพอร์ต หรือมีหลาย ๆ เคสที่ลูกค้าลืมของ พนักงานของเราเก็บไว้ให้เป็นอย่างดี
อีกจุดแข็งสำคัญของ SF Cinema ที่ดำเนินมาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งก็คือ “SF กล่าวคำไหนก็คือคำนั้น เป็น ‘Brand Loyalty’ ที่เกิดจากความซื่อสัตย์ ในสิ่งที่เราทำและสื่อสารให้กับลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งเป็นอีกหัวใจสำคัญที่ทำให้ SF Cinema เติบโตจากวันแรกจนถึงวันนี้”
Trust Magazine by TISCO
