
มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ดัน Sea (ประเทศไทย) ยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจดิจิทัลไทย
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 59 | คอลัมน์ People

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา วิกฤต COVID-19 ทำให้การก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัล (Digitalisation) ของคนไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่คนรุ่นใหม่เท่านั้นที่ใช้เวลาอยู่กับเทคโนโลยี เพราะแม้แต่คนรุ่น Baby Boomers ก็หันมาใช้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น การ Shopping from Anywhere, Anytime การเสพความบันเทิง หรือการเล่นเกมออนไลน์ เรียกได้ว่าเทคโนโลยีนั้นสำคัญมากกับการใช้ชีวิตประจำวันกับคนทุกๆ วัยอย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ทำให้บรรดายักษ์ใหญ่แพลตฟอร์มต่างๆ ก้าวเข้ามามีบทบาทในตลาดนี้มากขึ้น
หนึ่งในนั้นคือ Sea (Group) เจ้าของ การีนา (Garena) เกมออนไลน์ชั้นนำระดับโลกอย่าง RoV และ Free Fire ช้อปปี้ (Shopee) แพลตฟอร์มซื้อของออนไลน์อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน รวมถึงซีมันนี่ (SeaMoney) บริการดิจิทัลเพย์เมนต์ และดิจิทัลไฟแนนซ์รวมอยู่ด้วย TRUST ฉบับนี้ จึงจะพาทุกท่านไปพูดคุยกับ คุณมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงการเติบโตอย่างโดดเด่นของธุรกิจ E-commerce และ Esports พร้อมทิศทางการเติบโตในอนาคตภายใต้การกุมบังเหียนของ CEO หญิงเก่งแห่ง Sea ประเทศไทย
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและเกมออนไลน์โตโดดเด่น
คุณมณีรัตน์ เริ่มฉายภาพว่า ในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ผู้คนหันมาใช้จ่ายและเสพความบันเทิงผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้ 3 ธุรกิจหลักของ Sea (ประเทศไทย) เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นำโดยธุรกิจเกมออนไลน์อย่าง Garena ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดของ Sea เพราะเป็นธุรกิจที่ดำเนินการมายาวนานที่สุด และมีศักยภาพในการสร้างรายได้ดีที่สุด โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 Garena มีฐานผู้เล่นกว่า 729 ล้านคนในกว่า 130 ตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะเกม Garena Free Fire ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด มียอดดาวน์โหลดทะลุ 1 พันล้านครั้ง บน Google Play และเป็นเกมมือถือที่ได้รับการจัดอันดับจาก App Annie ว่ามียอดดาวน์โหลดสูงสุดของโลกต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2562 – 2563
ขณะที่ Shopee เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุด โดยในไตรมาส 3 ของปี 2564 Shopee มียอดสั่งซื้อกว่า 1.7 พันล้านรายการ เติบโตราว 123.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วน SeaMoney ก็เป็นอีกธุรกิจที่เติบโตได้ดีเช่นกัน โดยมีผู้ใช้งาน 39.3 ล้านคน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีมูลค่าธุรกรรมในไตรมาส 3 ของปี 2564 ราว 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ราว 111%


โดยเธอประเมินว่า ในปี 2564 อุตสาหกรรมเกมออนไลน์และ Esports ในประเทศไทย จะมีการเติบโตราว 14% จากปี 2563 ที่มีมูลค่า 28,900 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตลาด E-commerce ไทยนั้น คาดว่าจะเติบโตจาก 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2564 ไปสู่ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2568 ดังนั้น เธอจึงเชื่อว่าอุตสาหกรรม E-commerce รวมถึงเกมออนไลน์ และ Esports จะยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องอีกมากในอนาคต
“ประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสัดส่วนลูกค้าดิจิทัลหน้าใหม่เข้ามาใช้จ่ายบนโลกออนไลน์มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีแนวโน้มการใช้บริการบนดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผู้ใช้งานหน้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มจะมีการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ของความถี่และมูลค่า และยิ่งเมื่อลูกค้าเคยชินกับวิถีชีวิตแบบใหม่ที่สะดวกสบายแล้ว ก็ยิ่งมีแนวโน้มสูงที่จะใช้งานต่อในระยะยาว ซึ่งนี่เป็นโอกาสให้ธุรกิจของ Sea เติบโตได้อีกมาก”
ผนึกครอบครัวดิจิทัลแพลตฟอร์มมัดใจลูกค้า
การแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นตัวเร่งให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตและการทำงานของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และพร้อมปรับตัวให้สอดรับกับกระแสดิจิทัลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณมณีรัตน์คาดการณ์ว่า ในอนาคตการใช้ชีวิตของผู้คนจะมีความเป็น Hybrid มากขึ้น และการทำธุรกิจต่างๆ ก็จะมีความเป็น Omnichannel มากขึ้น เพื่อเชื่อมโยงทุกช่องทางการติดต่อสื่อสาร ซื้อ-ขาย ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ไว้เป็นหนึ่งเดียว และสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้แบบไร้รอยต่อ (Seamless)
“แนวโน้มนี้ไม่ใช่แค่การสร้างโอกาส แต่กำลังท้าทายต่อการปรับปรุงระบบการทำงานหลังบ้าน เพื่อรองรับผู้ใช้งานที่มีจำนวนมากขึ้นด้วย” เธอจึงใช้จุดแข็งของการเป็นครอบครัวดิจิทัลแพลตฟอร์ม เข้ามาตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้บริโภคให้ครอบคลุมรอบด้านยิ่งขึ้น ด้วยการการผนึกกำลังของทั้ง 3 แพลตฟอร์ม เพื่อให้เอื้อต่อการสนับสนุนกันอย่างเต็มที่ พร้อมรองรับการเติบโตและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งาน
“เชื่อว่าการผนึกกำลังของทั้ง 3 แพลตฟอร์มจะช่วยทำให้การบริหารงานและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น ยกตัวอย่าง การใช้ SeaMoney สำหรับเป็น FinancialArm ที่ช่วยให้การชำระเงินบน Shopee และเกมของ Garena มีความง่าย สะดวกสบาย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่การบริหารจัดการหลังบ้านก็ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน”
นอกจากนี้ ยังได้นำ Data และ Insight ที่มีเข้ามาช่วยวิเคราะห์ในการทำการตลาดแบบ Predictive & Contextual Marketing หรือ การทำนายพฤติกรรมผู้บริโภคล่วงหน้า พร้อมศึกษาบริบทโดยรอบ เพื่อให้แผนการตลาดที่วางไว้สามารถใช้ในการขยายฐานและเพิ่มความถี่ในการใช้งานของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น อาทิ การนำ Data มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคแบบรายบุคคล เพื่อให้สามารถนำเสนอข้อมูลสินค้าที่ตรงใจให้กับผู้บริโภคได้ตามความชื่นชอบ ซึ่งจะก่อให้เกิดความพึงพอใจและการใช้เวลาบนแพลตฟอร์มที่นานมากขึ้น รวมถึงเกิดความรู้สึกที่อยากจะกลับเข้ามาใช้งานซ้ำๆ อยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคของการค้าเชิงประสบการณ์ (Experiential Com-merce) ที่ Shopee จะให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจเฉพาะบุคคลเป็นพิเศษ (Personalized Experience)

“ในปี 2564 เกมต่างๆ ที่อยู่ภายใน Shopee และ Shopee Live ค่อนข้างมาแรงและได้รับการตอบรับที่ดีมาก อย่างในช่วงมหกรรม Shopee 11.11 Big Sale พบว่า มีการเล่นเกมรวมกันมากกว่า 400 ล้านครั้ง บน Shopee Prizes ซึ่งการผสาน Gamificaiton เข้ามาใน Shopee ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของเรา ในการสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคและเชื่อมโยงผู้บริโภคกับ Shopee ให้มีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีและตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาความบันเทิงที่มาพร้อมกับของรางวัลพิเศษได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาเราจึงมีเกมต่างๆ เช่น Shopee Shake หรือ Shopee Prizes ออกมาให้ผู้ใช้งานได้เข้ามาร่วมสนุกกัน แม้จะไม่ได้ซื้อของก็ตาม เพราะเราไม่อยากให้ผู้ใช้งานนึกถึงเรา แค่เวลาที่ต้องการซื้อของ แต่เราอยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเสมือนเป็นเพื่อนคู่ใจของลูกค้าทุกคน”
จับตามองกระแส Metaverse ต่อยอดธุรกิจ
คุณมณีรัตน์ ยังมองถึงกระแส Metaverse ว่า ในประเทศไทยเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวเข้าสู่โลก Metaverse แล้ว โดยในปี 2564 ผู้บริโภคชาวไทยได้ใช้เทคโนโลยีโลกเสมือนอย่าง Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) ที่ก้าวเข้ามาอยู่ในโลกแห่งความจริงมากขึ้น แต่เนื่องด้วยต้องนำเข้าฮาร์ดแวร์ (Hardware) เป็นส่วนใหญ่จึงมีราคาสูงมากและกลายเป็นข้อจำกัดของประเทศไทย ทำให้ยังมีผู้ใช้งานที่ค่อนข้างจำกัด ขณะเดียวกันก็ต้องให้เวลากับผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาขีดความสามารถในการสร้าง Metaverse Feature เข้าไปใน Digital Product ต่างๆ เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้เทียบเท่าตลาดชั้นนำของโลกด้วย

“ยอมรับเลยว่า กระแส Metaverse เป็นเทรนด์ที่มาแรงและน่าจับตาเป็นอย่างมาก แต่การจะนำมาปรับใช้กับธุรกิจในทันทีนั้น คงยังต้องให้เวลาในการศึกษาสักระยะ ว่าจะนำมาปรับใช้อย่างไรให้เหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด รวมถึงต้องศึกษาความพร้อมของผู้ใช้งานด้วย เพราะการจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใส่ในแต่ละธุรกิจ จะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มและเติมเต็มความต้องการของผู้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม หรือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจได้จริงด้วย เพราะรากฐานที่ Sea ยึดถือมาตลอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ก็คือ 1.ตอบโจทย์ความต้องการที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจของผู้บริโภค (Unmet Needs) ได้ 2.สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน (User Experience) และ 3.เหมาะสมและตรงใจของผู้ใช้งานแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง (Deep Localization)”
ในอนาคตสำหรับการนำเสนอบริการใหม่ๆ ของ Sea เธอต้องการที่จะปิดช่องว่างการทำธุรกิจ เพื่อการบริการที่ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานหรือพาร์ทเนอร์ เช่น การนำธุรกิจ Logistic อย่าง Shopee Express เข้ามาเสริมบริการให้ครอบคลุมมากขึ้น ในส่วนที่ธุรกิจตัวกลางหรือ Third Party ยังไม่ครอบคลุม ซึ่งเธอยืนยันว่าไม่ใช่การเข้ามาทำธุรกิจตัวกลางเหล่านั้นเสียเอง และในส่วนของ Garena นั้น เธอจะมุ่งตอบโจทย์รสนิยม (Taste) ในการเล่มเกมที่มีความหลากหลายและยังไม่ได้รับการเติมเต็มให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยการนำเข้าเกมคุณภาพจากผู้พัฒนาระดับโลก รวมถึงการพัฒนาสร้างสรรค์เกมใหม่ขึ้นมาเอง โดยเฉพาะEsports ที่กำลังได้รับความนิยมจากทั่วโลก
ส่งมอบคุณค่า Digital Nation สร้างความยั่งยืนสู่ประเทศไทย
หลักสูตรของ School of Global Health แบ่งตามศาสตร์ทางการแพทย์และการสาธารณสุข ได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.กลุ่มโรคติดเชื้ออุบัติใหม่และโรคเขตร้อน (Emerging Infectious Diseases and Tropical Medicine) 2.กลุ่มโรคไม่ติดต่อ (Non-communicable Diseases) และ 3.กลุ่มนโยบายสาธารณสุข (Health Policy Systems) มีทั้งหลักสูตรปริญญาโท-เอก และหลักสูตรประกาศนียบัตร โดยเพิ่งเปิดรับ “รุ่นแรก” เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้เกิดอาชีพใหม่ๆ อาทิ การใช้ความเชี่ยวชาญของ Garena ซึ่งเป็น Digital Entertainment เข้ามาจัดทำโครงการ Garena Academy เพื่อให้ความรู้ด้านอาชีพในวงการเกม Esports และ Digital Content โดยให้เกมเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงคนรุ่นใหม่เข้ากับทักษะที่ส่งเสริมอาชีพในความสนใจของเขา ซึ่งทักษะเหล่านี้จะเป็นทักษะ Transferable Skills ที่่ติดตัวไปใช้ประกอบอาชีพอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Digital Content ได้ด้วย ขณะเดียวกันยังมุ่งสร้าง Digital Literacy ให้เกิดขึ้นกับสังคมในวงกว้าง เพื่อให้การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลมีความปลอดภัย และส่งเสริมให้สังคมดิจิทัลเป็นสังคมที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นและอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่คุณมณีรัตน์ตั้งไว้ ก็คือ การผลักดันให้ Sea (ประเทศไทย) เป็น Tech Company ที่มอบคุณค่าและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยเทคโนโลยีอย่างแท้จริง “ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย เราจึงต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันประเทศไทยสู่ Digital Nation อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ผ่าน 3 ธุรกิจหลักของเรา ที่จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย และโครงการต่างๆ ที่จะช่วยสร้างแรงงานดิจิทัลคุณภาพให้กับสังคมไทย เพื่อเตรียมความพร้อมให้คนไทยทุกคนสามารถใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้อย่างราบรื่น”

ในฐานะซีอีโอ คุณมณีรัตน์มองว่า แม้ Sea (ประเทศไทย) จะอยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลาและมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่การจะนำพาธุรกิจให้วิ่งไปได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงนั้น “คน” ก็คือฟันเฟืองที่สำคัญ ดังนั้น การหาคนที่ใช่เข้ามาร่วมทีมจึงเป็นสิ่งที่เธอให้ความสำคัญมาก ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อน Sea (ประเทศไทย) ไปด้วยกันจะต้องมีคุณสมบัติที่สอดคล้องไปกับวัฒนธรรมการทำงานภายในองค์กร 5 ประการ คือ 1.การมีใจบริการ (We Serve) 2.ก้าวไม่หยุด (We Run) 3.พร้อมปรับตัว (We adapt) 4.ทำเต็มที่ (We Commit) และ 5.ไม่ลืมตน (We Stay Humble) และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Sea เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีความพร้อมจะขับเคลื่อนบริษัทและเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนให้มีความสะดวกผ่านโลกของเทคโนโลยี

นอกจากการหา “คนที่ใช่” เข้ามาร่วมทีมแล้ว คุณมณีรัตน์ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรอยู่เสมอ พร้อมสร้างความเชื่อใจและไว้วางใจ (Trust) ในการทำงาน ด้วยการการกระจายอำนาจการตัดสินใจควบคู่ไปกับการเปิดกว้างในเรื่องการสื่อสารระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ที่สามารถเข้ามาขอคำปรึกษาได้อยู่เสมอ ตลอดจนการให้พื้นที่ในการแสดงความคิดสร้างสรรค์ และได้เรียนรู้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ เพราะเธอเชื่อในเรื่องของการให้โอกาส สำหรับการเรียนรู้ความผิดพลาดหรือล้มเหลวที่เกิดขึ้นจะช่วยหล่อหลอมประสบการณ์การทำงานให้เข้มข้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“จากวันแรกที่ธุรกิจของเราได้เริ่มต้นจากการเป็นบริษัทสตาร์ทอัพและเกิดขึ้นได้จากคนเพียงไม่กี่คน ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ซึ่งแม้จะล้มสักกี่ครั้ง แต่พวกเราก็พร้อมที่ลุกขึ้นใหม่อยู่เสมอ จนทำให้เติบโตเป็น Sea (ประเทศไทย) ได้อย่างทุกวันนี้ และประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น ก็ยิ่งทำให้รู้ว่าความสำเร็จไม่มีที่สิ้นสุด ต่อให้วันนี้เรามาได้ไกลแค่ไหน แต่อย่างไรก็ยังคงมีพื้นที่ให้เราต้องเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพ เพื่อเติบโตในก้าวต่อๆ ไปอีกอยู่เสมอ” คุณมณีรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย