พิเชษฎ กาญจนชูศักดิ์ ยืนหยัด สานต่อตำนาน ‘ตราปลามังกร’ แป้งมันแบรนด์ไทย ที่ครองใจคนทั่วทุกภูมิภาค
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 73 | คอลัมน์ People
ในวัยหกสิบกว่า ๆ คุณพิเชษฎ กาญจนชูศักดิ์ หุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ตงจั่น ผู้สืบทอดธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง ‘ตราปลามังกร’ รุ่นที่ 3 ยังคงเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนแบรนด์ให้เติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งไม่เพียงสานต่อความสำเร็จจากรุ่นก่อนเท่านั้น แต่ยังปรับตัวพร้อมต่อยอดธุรกิจในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และพฤติกรรมผู้บริโภค ด้วยวิสัยทัศน์และการบริหารที่ทันสมัย แบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ จึงยังคงยืนหยัดเป็นแป้งมันคุณภาพที่คนไทยไว้วางใจ และได้ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ในฐานะสินค้าสัญชาติไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
“วันนี้ผมภูมิใจมาก ๆ ที่สามารถตั้งมั่นในการรักษาแบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ เอาไว้ได้ และคงอยู่ในตลาดให้ยังเป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วประเทศ ซึ่งการเดินทางของธุรกิจนี้ต้องต่อสู้เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคในอดีต ตั้งแต่ยุคคุณปู่มาจนถึงยุคคุณพ่อของผม ที่เรียกว่าเฉียดเส้นความสูญเสียธุรกิจครอบครัวให้บุคคลอื่น แต่ท่านก็สามารถพาแบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ กลับมาให้คงอยู่ได้ ดังนั้น ภารกิจของผม คือ ต้องรักษาแบรนด์นี้ไว้สุดชีวิต ซึ่งวันนี้และในอนาคต ธุรกิจกำลังเริ่มส่งต่อสู่เจเนอเรชันที่ 4 ยอมรับว่า ‘ยาก’ กว่าผมจะส่งต่อให้เด็ก ๆ ได้ เราไม่ได้บังคับใครว่าต้องเข้ามาสานต่อ ลูกหลานคนไหนอยากทำก็เข้ามา หน้าที่เราก็ค่อย ๆ ดูว่าใครสามารถวางแผนต่อยอดไปในทิศทางไหน และผมไม่ใช่ผู้บริหารใหญ่แล้ว ให้เด็ก ๆ เข้ามาทำหน้าที่บริหารธุรกิจกัน โดยเขาจะวางทิศทางการต่อยอดธุรกิจเป็นแนวทางอย่างไร ก็มีผมและพี่น้องของผมเป็นที่ปรึกษาพร้อมร่วมกันตัดสินใจ”
ย้อนวันวาน...รับช่วงต่อแบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ ขยายฐานกลุ่มลูกค้า
หากย้อนวันวานไปในช่วงที่คุณพิเชษฎสำเร็จการศึกษาด้านรัฐศาสตร์การเมือง มหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ่งจื้อ (National Chengchi University) ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาอันดับต้น ๆ ของประเทศไต้หวัน ถ้าธุรกิจครอบครัว ‘กาญจนชูศักดิ์’ ไม่ประสบปัญหา เส้นทางชีวิตการทำงานของเขาอาจเป็นข้าราชการในหน่วยงานรัฐไทยสักแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดหมายตั้งแต่วัยเรียนที่ไปใช้ชีวิตอยู่กรุงไทเปนานกว่า 10 ปี และเป็นมุมความคิดของทุกคน ณ ขณะนั้นว่า ครอบครัวคนจีนเมื่อมีธุรกิจการค้าในเมืองไทย ควรต้องมีลูกหลานรับราชการบ้าง แต่ชีวิตไม่ได้ดำเนินไปตามความคาดหมาย เพราะเมื่อเรียนจบก็เป็นช่วงเดียวกับธุรกิจครอบครัวมีปัญหา คุณพิเชษฎจึงเลือกมาช่วยคุณพ่อเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนแบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ มาจนถึงวันนี้ ซึ่งมีฐานที่มั่นของโรงงานผลิตสินค้าย่านภาษีเจริญ แต่เดิมตั้งอยู่ย่านทรงวาด ทว่าด้วยพื้นที่จำกัดและธุรกิจที่เติบโตขึ้น จึงต้องมีโรงงานแห่งใหม่นั่นเอง
“ตัวผมไม่ได้เริ่มต้นทำงานในโรงงานหรือในบริษัท แต่เริ่มต้นจากการเป็น Salesman ก่อนเลย เรามีฝ่ายขายวิ่งในต่างจังหวัดอยู่แล้ว ผมก็ออกตามเขาไปทุกที่ทุกวันเลย ไม่มีวันหยุด ไปกันที่ไหน นอนโรงแรมไหน ผมนอนได้ มีความอดทนมาก เพื่อให้ได้รู้จักตลาด รู้จักร้านค้าที่เป็นลูกค้าของเราในทุกแห่ง ทั้งขึ้นเหนือลงใต้ ภาคอีสานก็ไป ไม่ว่าใกล้ไกลแค่ไหน หนทางขรุขระอย่างไรไปหมด เหนื่อยแค่ไหนไม่มีคำว่าย่อท้อ”
สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักช่วงเวลานั้นอยู่ในโซนพื้นที่ภาคกลาง แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นการขยายตลาดให้เติบโตยิ่งกว่า ทำให้คุณพิเชษฎมองหายอดขายที่เพิ่มขึ้นได้ในภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศ และเดินหน้าขยายกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น
“ผมเล็งไปทางภาคอีสานด้วยเหตุผลว่าตลาดค่อนข้างใหญ่ แต่ละออร์เดอร์คือขายได้สินค้าล็อตใหญ่ แล้วเขาไม่ได้ขายแค่ในบ้านเรา แต่ยังข้ามไปขายฝั่งลาวด้วย ดังนั้น หน้าที่ผมจึงต้องหากลยุทธ์ต่าง ๆ ให้สินค้าเราเข้าไปอยู่ในร้านค้าเพิ่มมากขึ้นให้ได้ แต่ยอดสินค้าที่เพิ่มขึ้นต้องมาด้วยกำลังผลิตที่พร้อมด้วย ผมขอเครื่องจักรคุณพ่อเพื่อเร่งการผลิตให้ทัน และมากพอกับความต้องการของตลาดใหม่ที่พวกเราต้องลุยกัน”
สอดคล้องไปกับด้านกลยุทธ์การขายและการตลาด คุณพิเชษฎเล่าให้ฟังด้วยความสนุกในน้ำเสียงว่า การมารับช่วงต่อธุรกิจไม่ได้เปิดเรียนจากตำราใด ๆ แต่เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ท่ามกลางการแข่งขันกับสินค้าคู่แข่ง โดยเฉพาะการต่อสู้กันด้านราคาภายใต้ความเป็นธรรมของทั้งสองฝ่ายระหว่างลูกค้าและห้างตงจั่น
“สมัยคุณพ่อค้าขายจะยืนราคาขายอยู่ราคาเดียวตลอด แต่พอมายุคของผมเพื่อให้ลูกค้าตื่นเต้นเร้าใจ ราคาขายจึงมีปรับขึ้นตามวัตถุดิบ ให้ลูกค้าได้ลุ้นราคากันสนุกสนาน มีส่วนลดส่วนแถมบ้างเพื่อให้ลูกค้าถูกใจ รวมไปถึงวิธีการอื่น ๆ ที่สามารถทำได้ในหน้างาน เพื่อให้สินค้าของตงจั่นอยู่ในสต็อกร้านค้าเหล่านี้และขายออกได้เร็วที่สุด ซึ่งด้วยเหตุผลของกลยุทธ์ด้านการขายนี้เอง ทำให้แบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ แตกไลน์สู่ผลิตภัณฑ์ ‘แป้งสาคู’ ด้วยเช่นกัน”
แบรนด์ ‘ตราปลามังกร’
ภายใต้ Milestone ของธุรกิจที่สร้างการเติบโตอย่างมั่นคง
ไทม์ไลน์ต่อไปของธุรกิจ คือ การเข้าสู่ยุคสมัยของ Modern Trade ที่ทุนใหญ่ข้ามชาติเข้ามามีบทบาทในตลาดค้าปลีก ส่งแรงกระเพื่อมให้ตลาดหันซ้ายหันขวา หาโอกาสและช่องทางขยายตลาดของสินค้าตัวเอง
“ตั้งแต่อดีต สินค้าของเราที่ขายได้นั้น ไม่ได้เกี่ยวกับทุนข้ามชาติที่เข้ามาแต่อย่างใด แต่เพราะเราเปิดจากร้านค้าขนาดเล็ก และลูกค้าผู้ใช้จริงตามหัวเมืองต่าง ๆ ที่เชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและสนับสนุนเรามาจนถึงปัจจุบันนี้ ผมไม่เคยลืมผู้มีพระคุณที่สนับสนุนสินค้า ‘ตราปลามังกร’ มาโดยตลอด จึงอยากมีส่วนสนับสนุนให้ร้านค้าเล็ก ๆ ขายสินค้าได้ ดำรงชีพอยู่กันได้ เลยไม่ได้ส่งผลิตภัณฑ์ของเราเข้า Modern Trade รวมไปถึงเหตุผลว่าการจัดส่งและลงสินค้าในแต่ละแห่งนั้น การทำเองมันคุ้มค่ากว่า ถามว่ามันดีกว่าที่สุดหรือไม่ ผมว่าก็ได้อย่างเสียอย่าง อยู่ที่เราจะวางธุรกิจในแนวทางใด ภายใต้พันธกิจอะไร พันธมิตรเป็นใคร ซึ่งผมก็เลือกให้เราเป็นไปในเส้นทางแบบนี้”
ในช่วง 20 ปีที่แล้ว นอกเหนือจากตลาดภายในประเทศ คุณพิเชษฎก็เริ่มทำตลาดสินค้าส่งออกด้วยเช่นกัน เป็นการเติบโตของธุรกิจที่ต้องเพิ่มกำลังผลิตสินค้า ทำให้ในโรงงานที่เคยมีเครื่องจักรเพียง 4 เครื่อง ถูกทยอยเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ กระทั่งในปี 2567 มีถึง 12 เครื่อง โดย 2 เครื่องหลังสุดถูกนำเข้ามาเมื่อปลายปีที่แล้ว และมีอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญในยุคการบริหารธุรกิจด้วยตัวเอง คือ การใช้ระบบ GMP เพื่อตรวจสอบผลการผลิตสินค้าเพื่อให้คู่ค้าและผู้บริโภคมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ภายใต้ ‘ตราปลามังกร’ ทุกถุง ทุกห่อ ไม่มีสิ่งปนเปื้อน ไม่เป็นภัยต่อผู้บริโภค และสินค้าสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้
“ช่วงที่เริ่มทำส่งออก เทรนด์โลกมันก็เปลี่ยนไป ทั้งองค์กรต่าง ๆ และพลเมืองโลกหันมาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านสุขภาพ ด้านสุขภาวะ ด้านสิ่งแวดล้อม จึงเป็นจุดเปลี่ยนของโรงงานเราอีกครั้ง ในการเข้าสู่ยุคแห่งการปรับเปลี่ยนให้ได้มาตรฐานคุณภาพการผลิตที่ยอมรับในระดับสากล เราใช้ระบบ GMP เข้ามาควบคุมการผลิตมา 7-8 ปีแล้ว และยังคงยึดมั่นทำต่อไป”
GMP หรือ Good Manufacturing Practice เป็นระบบที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมภายใต้หลักเกณฑ์การผลิตสินค้าประเภทอาหาร ที่ต้องผ่านการควบคุมคุณภาพด้วยข้อกำหนดพื้นฐานสำคัญที่จำเป็นต่อกระบวนการผลิต ประกอบด้วย สถานที่ตั้งและอาคารผลิต เครื่องมือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ในการผลิต การควบคุมกระบวนการผลิต การสุขาภิบาล การบำรุงรักษา และการทำความสะอาด รวมถึงบุคลากรและสุขลักษณะของผู้ปฏิบัติงาน
แบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ สร้างยอดขายตลาดต่างประเทศ
ในด้านการขยายตลาดส่งออกต่างประเทศถือเป็นอีก Milestone สำคัญของตำนานที่คงอยู่ของแบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ เพราะเป็นอีกช่องทางการขายที่เติบโตอย่างแข็งแรงด้วยความสามารถของกำลังเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการผลิตอย่างมีมาตรฐานด้านคุณภาพของสินค้า
“ตั้งแต่ยุคคุณพ่อวางมือ ผมก็ลุยทำงานคนเดียวเลย ถามว่า ‘เหนื่อยไหม’ เหนื่อยใจจะขาด แต่คิดหวังแค่ว่า ทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งโอกาสก็เข้ามาหาธุรกิจของเราอีกครั้ง ในวันที่ผมพาแบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ เข้างาน THAIFEX งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กับหอการค้าไทย แต่ผมจำปี พ.ศ. ของเหตุการณ์ไม่ได้นะครับ มีนักธุรกิจจีนคนหนึ่งเดินถือโบรชัวร์ของสินค้าเราเข้ามาหาผม แล้วถามว่า สินค้าแป้งมันตราปลามังกรนี้ของคุณใช่ไหม
“ซึ่งเป็นโบรชัวร์ภาษาไทย แต่มีภาพซองตราปลามังกรอยู่ กลับบ้านมา ผมก็มานึกถึงเรื่องนี้ ทำไมคนจีนรู้จักเรา ก็นึกได้ว่า อ๋อ! สมัยคุณพ่อเคยทำส่งออกแถวฮ่องกง ซึ่งเป็นช่วงที่จีนและฮ่องกงไปมาหาสู่ค้าขายกัน เลยทำให้เขาเห็นแบรนด์ของเรา จากงาน THAIFEX ครั้งนั้นเอง กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมเริ่มส่งออกต่างประเทศโดยผ่านทางเทรดดิ้งก่อน และศึกษาเรียนรู้ด้านการค้าขายระหว่างประเทศไปด้วย กระทั่งวันหนึ่งก็ได้เวลาเปลี่ยนมาทำเอง ส่งเอง ผมเป็นคนดูแลควบคุมส่วนนี้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะสินค้าส่งออกใน 3 มณฑลของประเทศจีน ได้แก่ มณฑลกวางเจา มณฑลฝูเจี้ยน และมณฑลเซินเจิ้น เนื่องจากเราสันทัดภาษาจีนด้วย ส่วนส่งออกประเทศอื่น ๆ ก็ยังผ่านเทรดดิ้ง”
แม้ว่าสินค้าจะสามารถเจาะกลุ่มต่างประเทศได้ แต่คุณพิเชษฎยังเดินหน้าขายสินค้าเพื่อคนไทยเป็นหลักในสัดส่วน 80% ส่วนอีก 20% คือสินค้าส่งออก “เราค้าขายกับลูกค้าในประเทศมายาวนาน แบรนด์นี้มันเกิดในบ้านเราเอง ฉะนั้นผมไม่ยอมให้ชื่อ ‘ตราปลามังกร’ หายไปจากคนไทยอย่างแน่นอน ส่วนต่างประเทศจะขายได้แค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งในช่วงที่สถานการณ์ในประเทศทำให้เศรษฐกิจตกลง สินค้าขายได้ช้าลง การส่งขายต่างประเทศก็มาชดเชยในช่วงเวลานั้นได้เหมือนกัน”
ทุกอุปสรรคคือ ‘บทเรียน’ ที่สร้างให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแรง
เมื่อถูกถามถึงช่วงเวลาที่เกิดอุปสรรคและปัญหาที่มีผลกระทบต่อการไปต่อของธุรกิจ สามารถหาทางออกนั้นได้อย่างไร คุณพิเชษฎให้คำตอบว่า
“เอาอุปสรรคหนักหน่วงล่าสุดเลยนะครับ แต่ก็เป็นวิกฤตที่เป็นโอกาส คือภัยพิบัติแผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง แร็ก (Rack Shelf สำหรับงานอุตสาหกรรม) เดิมในโรงงานของเราซึ่งสูงและหลายชั้นเกิดความเสียหาย และเอียงไปเอียงมามีโอกาสล้ม ถ้ามาทับคนงานของเราก็แย่แน่ ๆ ให้วิศวกรทำแร็กมาดู ต้องรื้อทำใหม่ ดังนั้น สินค้าที่อยู่แร็กเดิมต้องขนลงวางพื้นให้หมด แต่จะให้วางดองทิ้งไว้รอเวลาให้แร็กซ่อมเสร็จก็ไม่ได้ ผมคิดต่อทันทีว่า ทำยังไงให้สินค้าไม่ค้างอยู่บนพื้น ให้ขายออกไปหมด ผมเลยทำโปรโมชันทันที แล้วห้างตงจั่นเป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว กำหนดภายใน 1-12 เมษายน 2568 สินค้าต้องออกจากสต็อกนี้ให้หมด ซึ่งผลลัพธ์คือ เกลี้ยงโกดัง ทีมสร้างแร็กใหม่ก็ลงมือได้อย่างคล่องตัว ตอนนี้ก็เสร็จเกือบสมบูรณ์แล้ว”
ปัจจุบัน ห้างตงจั่นมีพนักงานทั้งหมดเกือบ 100 ชีวิต ซึ่งภาพฝันต่อไปในฐานะผู้กุมบังเหียนให้การขับเคลื่อนธุรกิจในยุคของเจเนอเรชันที่ 3 เติบโตขึ้นอย่างมั่นคง คือ การสานต่อธุรกิจของยุคเจเนอเรชัน 4 ที่สามารถขยายตลาดผลิตภัณฑ์ ‘ตราปลามังกร’ ได้มากขึ้น แตกไลน์สินค้าได้มากขึ้น ภายใต้ความเจริญรุ่งเรืองที่ถูกต้องตามกฎหมายและมนุษยธรรม
“ธุรกิจถ้าถึงเวลาจะเปลี่ยนมันก็ต้องเปลี่ยน ถึงแม้ยุคผมไม่ได้ทำ Modern Trade แต่การขายส่ง (Wholesale) ก็เป็นอีกช่องทางการขายในปัจจุบันที่ทำให้สินค้าเราขายได้มากขึ้นเช่นกัน ผมก็บอกลูก ๆ ถ้าอยากเริ่มทำก็โอเค ทำได้ แต่อย่าให้มีผลกระทบกับยี่ปั๊วที่ทำอยู่ ไม่เช่นนั้นจะเกิด Effect กลับมาที่สินค้าเราแล้วจะแก้ไขกันลำบาก ส่วนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ผมไม่กลัวหากต้องลงทุนพร้อมให้ธุรกิจปรับตัว แต่ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมั่นคง ในยุคที่ดิจิทัลครองโลก อีกหน่อยในโรงงานผลิตอาจมีหุ่นยนต์เข้ามาปฏิบัติการในวันที่การลงทุนกับหุ่นยนต์มันมีต้นทุนต่ำลง ลงทุนแล้วคุ้มค่า ก็มีความเป็นไปได้ แต่ก็คงไม่ใช่เร็ววันนี้แน่นอน ถ้าให้มองก็ในระยะเวลา 5-6 ปีข้างหน้า เป็นไปได้ที่สุด คือตงจั่นอาจย้ายฐานผลิตสินค้าครั้งใหญ่ ย้ายโรงงานออกไปในพื้นที่ที่ใหญ่กว่า การคมนาคมดีกว่า พร้อมรับกับปริมาณการผลิตที่มากขึ้นได้ดีกว่า น่าจะเป็นภาพนั้นที่เห็นเป็นรูปธรรมได้เร็วที่สุดครับ”
แบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ สร้างยอดขายตลาดต่างประเทศ
สำหรับแบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ ในวันนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของคุณพิเชษฎที่สามารถรักษาแบรนด์ให้อยู่กับคนไทยได้ถึงวันนี้ “คนอื่นผมไม่รู้หรอกนะ หรือพี่น้องคนอื่น ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกกันอย่างไร แต่ด้วยประสบการณ์โดยตรงของผม ภาพจำในวันที่เห็นคุณพ่อลำบากและเครียดหนักมากกับความเป็นความตายของธุรกิจที่ส่งผลกระทบกับครอบครัวเรามาก ๆ ความรู้สึกสงสารคุณพ่อมาก ๆ ในวันนั้น ได้เปลี่ยนให้เราอยากช่วยให้ครอบครัวพ้นวิกฤต มีแรงสู้กับทุกอุปสรรคระหว่างทางของการทำการค้า ไม่ยอมให้ใครมาทำลายแบรนด์ตราปลามังกรให้หายไป ซึ่งที่สุดผมก็ยังสามารถรักษาแบรนด์เอาไว้ได้ และจะทำให้ยังคงอยู่คู่คนไทยแบบนี้ตลอดไป”
ไม่เพียงแค่รักษาแบรนด์ ‘ตราปลามังกร’ ให้ยืดหยัดได้เท่านั้น คุณพิเชษฎยังรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สร้าง Work Life Balance ให้ชีวิตและการทำงานมีความสุขในทุกวัน
“จริง ๆ ผมเคยเป็นคนสูบบุหรี่ด้วยนะ ดื่มเหล้า ปาร์ตี้ด้วย แล้วเราก็ทำงานหนักมาก ๆ เหมือนกัน ทั้งดูสินค้าโหลดลงเรือ เข้าตู้ บางทีเลิก 3-4 ทุ่มกว่าจะได้นอน เลยเที่ยงคืนไปแล้วก็มี เคยอัดกินกระทิงแดง ลิโพ ไปทีละสองขวด มันก็มี Effect ต่อสุขภาพเราหลายอย่าง เลยหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ทั้งเข้าฟิตเนส เล่นโยคะ รู้สึกว่า…ตัวเองเริ่มดูสุขภาพดีขึ้นแล้ว แต่ก็มาเกิดวิกฤต COVID-19 ทั้งฟิตเนสและคลาสออกกำลังกายทุกแห่งต้องปิด ทำอย่างไรล่ะ ก็เลยเริ่มซื้ออุปกรณ์มาที่บ้าน ทำห้องฟิตเนสส่วนตัวแล้วให้เทรนเนอร์ที่ช่วง COVID-19 ไม่ได้ทำงานกัน แต่ให้มาเทรนกับเราตัวต่อตัวที่บ้าน ผลลัพธ์ คือ เราก็สุขภาพดี ดูดี ร่างกายแข็งแรง มีความสุขกับชีวิตในทุกวันนี้ พร้อมไปกับธุรกิจที่กำลังเติบโตไปอีกเช่นกัน”
Trust Magazine by TISCO
