หุ้นไทยกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 71 | คอลัมน์ Smart Investing

3 5

10 คาดการณ์ร้อนต้อนรับปี 2025

     เรามองปี 2025 จะเป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับตลาดหุ้นไทย เนื่องจากการฟื้นตัวหลัง COVID-19 จะกลับมาสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการปรับโครงสร้างงบดุลของสถาบันการเงิน มองไปข้างหน้า ตลาดน่าจะให้ความสำคัญกับทิศทางการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของรัฐบาลในการผลักดันโครงการลงทุนต่าง ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ เราสรุป 10 คาดการณ์สำคัญที่จะมีผลกระทบต่อการลงทุนในปี 2025 

     1. การเมืองจะร้อนแรงขึ้น ขณะนี้มีคดีที่เป็นปรปักษ์กับรัฐบาลชุดปัจจุบันทั้งหมด 20 คดี โดย 3 คดีเกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ และ 17 คดีเกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร บางคดีอาจส่งผลกระทบต่ออำนาจของพรรคร่วมรัฐบาลเช่นเดียวกับการเกิดคดีทางจริยธรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา โดยในกรณีของเศรษฐาใช้เวลาเพียง 3 เดือนตั้งแต่เริ่มกระบวนการทางกฎหมายจนถึงการหลุดออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองจากประเด็นต่าง ๆ ที่อาจถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเงื่อนไขทางการเมือง เช่น ปัญหา MOU 44 การนิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น

      2. การลงทุนจะฟื้นตัว ความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้งบประมาณปีที่แล้ว (FY2024) มีความล่าช้า กระทบโดยตรงต่อการใช้จ่ายภาครัฐลดลง อย่างไรก็ดี เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นหลังการเบิกจ่ายกลับมาเป็นปกติและงบประมาณปีปัจจุบัน (FY2025) ไม่มีความล่าช้า คาดจะช่วยหนุนการเบิกจ่ายปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะงบลงทุนภาครัฐ เราคาดว่าจะมีความคืบหน้าในโครงการลงทุนต่าง ๆ ที่อยู่ในแผนงานซึ่งรวมถึงโครงการใน EEC โครงการที่เกี่ยวข้องกับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) นอกจากนี้ เรายังคาดว่าจะมีการสนับสนุนการลงทุนจากภาคเอกชน เช่น Data Centers และการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า

      3. อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มลดลง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ชี้แจงว่าการตึงตัวของภาวะการเงินเป็นเหตุผลสำคัญในการลดอัตราดอกเบี้ย –25 bps มาอยู่ที่ 2.25% ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ถึงกระนั้นก็ตาม ภาวะการเงินก็ยังไม่ผ่อนคลายมากนัก โดยเฉพาะในตลาดสินเชื่อ เช่น สินเชื่อยังคงหดตัวจากความเข้มงวดของมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อและอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น เราเชื่อว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในช่วงต้นปี 2025 ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงสู่ระดับ 2.00% และมีแนวโน้มที่จะคงไว้ที่ระดับ 2.00% ตลอดทั้งปี 2025

      4. นักท่องเที่ยวจีนจะยังไม่ถึงระดับก่อน COVID-19 ขณะที่ชาติอื่น จะฟื้นตัว เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับสู่ระดับก่อนการระบาดของ COVID-19 ที่ 40 ล้านคนในปี 2025 แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนอาจยังคงต่ำกว่าระดับดังกล่าว โดยมีสาเหตุหลักมาจากสภาวะเศรษฐกิจจีนที่ไม่เอื้ออำนวย ทั้งนี้ส่วนต่างของนักท่องเที่ยวจีนนี้มีแนวโน้มจะถูกทดแทนด้วยนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอาเซียน  ด้วยโครงสร้างนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงนี้จะมีนัยต่อการลงทุนด้วย เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากยุโรปอาจใช้จ่ายมากกว่า ในสินค้า/บริการระดับหรูหราและ/หรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวชาวจีน ดังนั้นธุรกิจที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนมากกว่าอาจเห็นการเติบโตที่ช้าลง

3.5

     5. การเติบโตของยอดขายสินค้าคงทนยังคงอ่อนแอ แนวโน้มการบริโภคขั้นสุดท้ายในปี 2025 จะไม่ดีเหมือนปีที่ผ่านมา โดยสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปอาจชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อย แต่สินค้าคงทนน่าจะมีแนวโน้มอ่อนแอลงอีก โดยมีสาเหตุหลักมาจากภาวะการให้สินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น อาทิ รถยนต์ อสังหาฯ รวมทั้งวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน ซึ่งการบริโภคสินค้าคงทนของไทยได้รับการสนับสนุนจากการก่อหนี้เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ ส่วนสินค้าจำเป็นขั้นพื้นฐาน (สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป) อาจได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวและแรงกระตุ้นจากการผ่อนคลายนโยบายการคลัง เช่น โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล ระยะที่ 2 รวมถึงมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยอื่น ๆ เพิ่มเติมในระยะข้างหน้า

      6. โครงการ Mixed-Used ใหม่จะสร้างผลกระทบในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ อุปทานอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษจะมาจาก 2 โครงการใหญ่ในพื้นที่ CBD ของกรุงเทพฯ ได้แก่ One Bangkok และ Dusit Central Park ซึ่งตั้งอยู่คนละฝั่งของสวนลุมพินี การเพิ่มขึ้นของอุปทานจะผลักดันให้มีผู้คนมากมายเข้ามาใช้บริการในพื้นที่เหล่านี้ แต่ในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อโครงการเก่า ๆ ในบรรดาบริษัทจดทะเบียน เรามอง CPN เป็นผู้ได้ประโยชน์โดยตรงจากโครงการ Dusit Central Park

       7. การประมูลคลื่นความถี่จะเริ่มในปี 2025 มี 3 คลื่นความถี่สำคัญที่จะหมดอายุในช่วงปลายปี 2025 ดังนั้น การประมูลอย่างเป็นทางการควรจะเกิดขึ้นภายใน 1H25F มีคลื่นความถี่สำคัญ คือ 850MHz, 2100MHz และ 2300MHz อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าผลประโยชน์จากการประหยัดต้นทุนค่าเช่าคลื่นความถี่จำนวน 3.1 พันล้านบาทต่อปี และ 1.8 พันล้านบาทต่อปีสำหรับ TRUE และ ADVANC ตามลำดับ ถูกสะท้อนในราคาหุ้นแล้ว

3.2

     8. ผู้ป่วยจากตะวันออกกลางอาจต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานขึ้น จากงบการเงินล่าสุดใน 3Q24 รายได้จากผู้ป่วยตะวันออกกลางของโรงพยาบาลที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของเรามีผลงานที่แตกต่างกัน โดย BDMS และ PR9 ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดี ขณะที่ BH และ BCH ซึ่งมีการพึ่งพาผู้ป่วยจากคูเวตในสัดส่วนที่สูงประสบปัญหาในการดำเนินงาน โดยเฉพาะ BH ได้รับผลกระทบมากเนื่องจากผู้ป่วยจากตะวันออกกลางคิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ของรายได้ทั้งหมด โดยรายได้จากผู้ป่วยจากคูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโอมาน ลดลง 67%, 37% และ 6% ตามลำดับ นับเป็นการลดลงครั้งแรกของรายได้นับตั้งแต่ COVID-19

      9. การด้อยค่าในสินทรัพย์ยังคงอยู่ในระดับสูง การคาดการณ์กำไรของหุ้นไทย หรือ SET EPS มักจะถูกปรับลดลงในระหว่างปี ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นทุกปีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งการด้อยค่ามักเป็นปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลังการปรับลดประมาณการกำไรในช่วงท้ายปี เนื่องจากเป็นสิ่งที่ยากจะประเมินในช่วงต้นปี ตลาดจึงมักจะปรับลดประมาณการกำไรลงเมื่อเกิดการด้อยค่าขึ้น ด้วยแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำลงเรื่อย ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ลดต่ำลงด้วย ทำให้มีความจำเป็นที่บริษัทหลายแห่งต้องแสวงหาการลงทุนในธุรกิจ/ประเทศอื่น ซึ่งการลงทุนดังกล่าวมีความท้าทายและมักนำไปสู่การด้อยค่าตามมา

      10. Upside ตลาดหุ้นไทยจำกัด เราปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้นสำหรับปี 2025-2026F เพื่อสะท้อนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อุปสงค์โลกที่อ่อนแอ และความเป็นไปได้ที่จะเกิดการด้อยค่าอีก ด้วยการคาดการณ์ว่า Fwd. PER จะค่อนข้างทรงตัว-ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เป้าหมายดัชนี SET ของเราสำหรับปี 2025-2026F อยู่ที่ 1,550 และ 1,600 จุด โดยอิงจาก Fwd. PER 16.9 เท่าในปี 2026F และ 2027F ตามลำดับ

3.4

จับตาการทำงานของทรัมป์ 2.0 และการไหลออกของกองทุน LTF

     โดนัลด์ ทรัมป์จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ในวันที่ 20 มกราคม 2025 แม้ว่าทรัมป์ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนในช่วงหาเสียงเกี่ยวกับนโยบายการลดภาษีนิติบุคคล การขึ้นภาษีศุลกากร การยกเลิกกฎระเบียบ และการย้ายถิ่นฐาน แต่ลำดับขั้นตอนของนโยบายต่าง ๆ รวมทั้งกลวิธีเกี่ยวกับการขึ้นภาษีศุลกากรยังคงมีความสำคัญและมีความไม่แน่นอนสูง ล่าสุด ทรัมป์กล่าวผ่านสื่อออนไลน์ว่าจะเก็บภาษีศุลกากร 25% ของสินค้านำเข้าทุกประเภทจากแคนาดาและเม็กซิโก รวมทั้งจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 10% เพื่อแก้ปัญหาผู้อพยพและยาเสพติดตามแนวชายแดน นอกจากนี้ ทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษี 100% กับทุกกลุ่มประเทศ BRICS หากรวมหัวไม่ใช้เงินดอลลาร์ฯ สิ่งนี้เริ่มสร้างความกังวลว่าสงครามการค้าอาจมาเร็วขึ้น แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็สะท้อนได้ชัดว่าการดำเนินการของทรัมป์ดังกล่าว ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองในสิ่งที่ทรัมป์ต้องการเพื่อรักษาสัญญาที่เคยหาเสียงไว้ 

      นอกจากนี้ ในช่วงต้นปี 2025 จะเป็นปีแรกที่เงินกองทุน LTF รวมทั้งสิ้น 2.41 แสนล้านบาทในปัจจุบันสามารถขายได้ทั้งหมด (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2024)  ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เงินกองทุน LTF ลดลงต่อเนื่องหลังจากที่กองทุน LTF สิ้นสุดลงในปี 2019 โดยแรงขายเฉลี่ยล่าสุดในปี 2024 อยู่ประมาณ 3 พันล้านบาท/เดือน อาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดในช่วงต้นปี 2025 ได้ เพราะโดยปกติ เงินกองทุน LTF มักถูกขายคืนในช่วงต้นปีมากที่สุด อย่างไรก็ดี ระดับ SET Index เฉลี่ยในปี 2019 (ที่สามารถขายคืนได้ในปี 2025) อยู่ที่ 1,640 จุด อยู่สูงกว่าระดับ SET Index ในปัจจุบันค่อนข้างมาก ทำให้มีผลขาดทุนอยู่พอสมควร สอดคล้องกับการพิจารณากองทุน LTF ตัวท็อปของแต่ละบลจ. ที่ยังให้ผลตอบแทนติดลบอยู่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น เรามอง SET Index ระดับปัจจุบันอาจไม่ใช่จังหวะขายที่ดีนักสำหรับผู้ถือกองทุน LTF  

      สำหรับผู้ถือกองทุน LTF บางท่านอาจอยากขายสลับมาเข้าซื้อกองทุน TESG เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากเม็ดเงินลงทุนเดิม เรามองว่าควรสลับทันที ไม่จำเป็นต้องรอซื้อในช่วงปลายปีเหมือนในอดีต เพราะกองทุน TESG ต้องถือ 5 ปีเต็มแบบวันชนวัน เพราะฉะนั้น หากมีการสลับกันในช่วงเวลาไม่นาน ผลกระทบจากเงินกองทุน LTF ไหลออกก็จะจำกัดด้วย 

3.6

10 คาดการณ์ร้อนต้อนรับปี 2025

     ท่ามกลางความไม่แน่นอนของปีนี้ที่เพิ่มขึ้น เราแนะนำเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานแกร่งมีแนวโน้มกำไรเติบโตดีกว่าตลาดในปีนี้ ผสานกับหุ้นที่มีปันผลดีสม่ำเสมอ 5 หุ้นเด่นที่เราแนะนำประจำไตรมาส 1/2025 คือ AP (เป้าพื้นฐาน 12.3 บาท), BDMS (37 บาท), CENTEL (53 บาท), SCB (121 บาท) และ SISB (50 บาท)   

 

3.7
Trust Magazine by TISCO
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า