อุษณา มหากิจศิริ นักพัฒนาอสังหาฯ ระดับลักซ์ชัวรี แห่ง เดอะ เนสท์ พร็อพเพอร์ตี้

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 63 | คอลัมน์ People

 

อสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้นักพัฒนาอสังหาฯ จำเป็นต้องปรับแนวคิดและออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสำหรับผู้บริโภคทุกช่วงวัย พร้อมคำนึงถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งกายและใจ เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต

TRUST ฉบับนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณอุษณา มหากิจศิริ บุตรสาวคนสุดท้องของทายาทธุรกิจกาแฟ คุณประยุทธ มหากิจศิริมหาเศรษฐีลำดับที่ 16 จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes ในปี 2565 ซึ่งปัจจุบัน คุณอุษณาดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวคิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้อยู่อาศัย

จากนักการเงินสู่นักพัฒนาอสังหาฯ

หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านการเงิน คณะบริหารธุรกิจ จาก Boston University สหรัฐอเมริกา และปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณอุษณาก็ได้ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานในสายธุรกิจการเงิน ทั้งเป็นนักวิเคราะห์การเงินโบรกเกอร์ผู้บริหารพอร์ตหุ้นให้กับลูกค้า รวมถึงการเป็นข้าราชการประจำกระทรวงพาณิชย์ ก่อนที่จะได้รับมอบหมายจากคุณพ่อให้เข้ามาช่วยสานต่อและดูแลธุรกิจหลากหลายภายใต้อาณาจักรพีเอ็ม กรุ๊ป (PM Group) ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสนามกอล์ฟ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนธุรกิจไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ 

file

“โดยส่วนตัวชื่นชอบและสนใจในเรื่องการออกแบบบ้าน ตกแต่งภายใน และการออกแบบภูมิทัศน์ (Landscape) เป็นพิเศษ เพราะเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข ซึ่งจุดเริ่มต้นก็คือการตกแต่งบ้านตัวเอง จากนั้นก็ไปช่วยตกแต่งบ้านให้กับคนใกล้ตัว จนเมื่อมีโอกาสและความพร้อมในด้านต่าง ๆ ทั้งในเรื่องของเวลา และธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้การดูแลของเราก็เติบโตได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงได้ต่อยอดและพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขึ้น โดยโครงการแรก ก็คือ เดอะ เนสท์ เพลินจิต ที่โดดเด่นในเรื่องของความคุ้มค่าและการออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัวและเป็นสัดส่วน ซึ่งเหมาะกับกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองตามแนวรถไฟฟ้า”

ด้วยจุดเด่นของ เดอะ เนสท์ เพลินจิต ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับความสนใจและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนนำมาสู่โครงการอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ตอกย้ำความเป็น “Super Value to Money” ของเดอะ เนสท์ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยโครงการถัดมา คือ เดอะ เนสท์ สุขุมวิท 22 คอนโดมิเนียมใจกลางสุขุมวิท ที่ออกแบบให้ทุกห้องเปิดหน้ากว้างถึง 7.5 เมตร ช่วยให้ห้องดูกว้างขวางและปลอดโปร่ง อีกทั้งยังมีแปลนห้องให้เลือกถึง 11 แบบ และมีมุมนั่งเล่นส่วนกลางแบบ Glass House ตามมาด้วย เดอะ เนสท์ สุขุมวิท 64 คอนโดมิเนียมที่เน้นความเป็นส่วนตัวและประโยชน์ใช้สอยจริงในทุกพื้นที่ (Practical Space) 

และเปิดโครงการอย่างต่อเนื่องกับ เดอะ เนสท์ สุขุมวิท 71 คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ตที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิด Finest Nature Reflection และล่าสุดกับโครงการ เดอะ เนสท์ จุฬา-สามย่าน คอนโดมิเนียมทำเลใจกลางเมือง จุดเชื่อมย่านเศรษฐกิจเก่าเยาวราชกับย่านเศรษฐกิจใหม่สีลม แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน สถานศึกษา และศูนย์การค้าชั้นนำ ที่เหมาะทั้งการลงทุนและพักอาศัย ซึ่งเริ่มโอนไปเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา

“เดอะ เนสท์ มุ่งตอบโจทย์การอยู่อาศัยในย่านธุรกิจสำคัญ ด้วยการเสาะหาทำเลที่ดีที่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และทางขึ้นทางด่วน ซึ่งแต่ละโครงการจะมาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางที่ร่มรื่น ทันสมัย และเป็นส่วนตัวพร้อมคอนเซปต์การออกแบบที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานได้จริง เป็นสัดส่วน และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้พักอาศัย และอีกจุดเด่นที่สำคัญ ก็คือ ‘ราคาคุ้มค่า จับต้องได้’ แม้อยู่ในทำเลใจกลางเมือง โดยมีราคาเฉลี่ยเริ่มต้นอยู่ที่ 2 - 4 ล้านบาท”

คุณอุษณาเล่าต่อว่า ทุกโครงการของ เดอะ เนสท์ นั้น เธอได้นำความรู้จากการเป็นนักการเงินมาผสานกับความรักในการออกแบบจนพัฒนาเป็นโครงการต่าง ๆ โดยเธอมักจะย้ำกับพนักงานทุกคนเสมอว่า กฎเหล็กสำคัญในการพัฒนาโครงการ ก็คือ เราจะต้องคิดและตั้งใจทำให้เหมือนกับเราทำบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง การออกแบบฟังก์ชันต่าง ๆ ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้อยู่อาศัย ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุที่ดีและมีคุณภาพ เพื่อให้ได้ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในราคาที่เหมาะสม และตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ เดอะ เนสท์ ได้ดำเนินธุรกิจมานั้น ล้วนทำมาจากความสุขและความตั้งใจที่จะมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนไทย

file
file

ร่วมทุนญี่ปุ่นพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี

ในปี พ.ศ. 2559 เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ โดย บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA บริษัทเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ หนึ่งในบริษัทที่อยู่ภายใต้การดูแลของคุณอุษณา ได้ประกาศรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มรูปแบบ เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจที่ได้เข้าไปลงทุนกว่า 5 กลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจชิปปิ้ง ธุรกิจน้ำมันและก๊าซ และธุรกิจอาหาร เป็นต้น พร้อมจับมือกับบริษัท คันเด็น เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น และบริษัท โทเรย์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เพื่อร่วมกันสร้างโปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่ นั่นก็คือ โครงการ 125 SATHORN

คุณอุษณาเสริมว่า 125 SATHORN เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี ที่มีมูลค่าโครงการกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลที่เรียกว่าเป็น Rare Item ของถนนสาทร เพราะเป็นที่ดินผืนสุดท้ายใจกลางสาทร อีกทั้งยังเป็นทำเลศักยภาพที่เหมาะทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุนที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยออกแบบภายใต้แนวคิด “The Exceptional Home on Sathorn” ที่โดดเด่นทั้งการตกแต่งภายในและการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัย ผสานกับดีไซน์และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ลักซ์ชัวรีไลฟ์สไตล์ของคนเมืองได้อย่างครบครันและพร้อมรองรับวิถีชีวิตใหม่แห่งอนาคต ซึ่งสะท้อนความเป็น “The New Luxury Destination in the Heart of Sathorn” ได้เป็นอย่างดี

“เราตั้งใจให้ 125 SATHORN แตกต่างจากการพักอาศัยในคอนโดมิเนียมทั่วไป คือ ผู้พักอาศัยไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่แค่เพียงในห้องของตัวเองอีกต่อไป  เพราะที่นี่มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับได้ทุกกิจกรรมของการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นห้องโยคะ สำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกาย ห้องอาหารบน Rooftop ที่สามารถจองและจัด Chef’s Table หรือปาร์ตี้สังสรรค์ได้อย่างเป็นส่วนตัว ห้อง Music Room ที่สามารถใช้ซ้อมดนตรี หรือจะเข้ามาเรียนเปียโนก็ได้ ห้องเรียนพิเศษ และห้อง Co-working Space ที่มีการจัดแบ่งเป็นหลายโซน เพื่อให้เหมาะสมกับทุกเพศ ทุกวัย และไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตทุก ๆ ด้าน”

นอกจากนี้ 125 SATHORN ยังเป็นโครงการที่รวบรวมสุดยอดบริษัทผู้พัฒนาและออกแบบ ตลอดจนสถาปนิกชั้นนำระดับโลก อาทิ Palmer & Turner Group (P&T) บริษัทสถาปนิกชั้นนำจากฮ่องกง เป็นต้น มาร่วมกันรังสรรค์พื้นที่ทุกตารางเมตรทั้งภายในและภายนอกให้เป็นผลงานชิ้นเอกระดับแฟลกชิป พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียมบนพื้นที่กว่า 4,500 ตารางเมตร จนเป็นโครงการที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศและระดับเอเชีย ประเภทการออกแบบตกแต่งภายในคอนโดที่ดีที่สุด (Best Condo Interior Design) และรางวัลคอนโดลักซ์ชัวรีที่มีการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุด (Best Luxury Condo Landscape Architectural Design) จาก PropertyGuru Thailand Property Awards 2022 และ PropertyGuru Asia Property Awards Grand Final 2022 อีกทั้งยังได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยจะเริ่มก่อสร้างตามแผนที่วางไว้ประมาณต้นปี พ.ศ. 2566

file

หลังจากคันเด็น เรียลตี้ฯ ได้เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการ 125 SATHORN ก็ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของเดอะ เนสท์ ที่น่าจะเติบโตและขยายธุรกิจออกไปได้อีก จึงได้ร่วมลงทุนกับเดอะ เนสท์ ในการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ใหม่ แอร์รี่ (AERIE) โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วได้เปิดตัวโครงการ แอร์รี่ ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา เป็นโครงการแรก ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนทำให้ทาง คันเด็น เรียลตี้ฯ ตัดสินใจร่วมลงทุนระยะยาว และคาดว่าจะมีโครงการอสังหาฯ ทยอยออกมาให้ได้ยลโฉมกันเร็ว ๆ นี้อีก 3 โครงการ ภายในปี พ.ศ. 2566

“เพราะเราเชื่อว่า การอยู่อาศัยที่ดี คือการมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข เราจึงมุ่งมั่นในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในทุก ๆ มิติ และใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียดของการออกแบบ เพื่อให้ที่อยู่อาศัยนั้นสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ในทุก ๆ ตารางนิ้ว ซึ่งนี่คือวิสัยทัศน์และจุดยืนของการดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ที่ คันเด็น เรียลตี้ฯ และเดอะ เนสท์ มีร่วมกัน”

“Universal Design” การออกแบบที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

“ในช่วงวิกฤต COVID-19 ที่ผ่านมา การทำงานในรูปแบบ Work from Home ทำให้ผู้คนจำนวนมากมีโอกาสอยู่บ้านและทำกิจกรรมต่าง ๆ ในบ้านมากขึ้น จนส่งผลให้เกิดความต้องการและพฤติกรรมการใช้ชีวิตภายในบ้านที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ ความต้องการพื้นที่ในส่วนของที่อยู่อาศัยที่กว้างขวางขึ้น เป็นสัดส่วนขึ้น และมีการจัดโซนห้องทำงานแยกออกจากโซนพักผ่อนหรือห้องนอนอย่างชัดเจน เป็นต้น โดยสอดคล้องกับแนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของเดอะ เนสท์ ที่เน้นในเรื่องของความคุ้มค่าและการออกแบบพื้นที่ใช้สอย ซึ่งตอบสนองความต้องการของตลาดในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี” คุณอุษณากล่าว

นอกจากนี้ เดอะ เนสท์ ยังคำนึงถึงหลักการออกแบบสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับคนทุก ๆ กลุ่ม หรือที่เรียกว่า Universal Design เพื่อรองรับสังคมไทยที่ได้เดินหน้าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์อย่างแน่นอนแล้ว โดยการออกแบบทุกพื้นที่ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างเท่าเทียมและดีที่สุด อาทิ บ้านโครงการแอร์รี่ที่ออกแบบพื้นห้องน้ำให้เป็นระดับเดียวกับห้องต่าง ๆ เพื่อลดอุบัติเหตุ และเพื่อให้ Wheelchair สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก รวมไปถึงการออกแบบให้บ้านมีห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวอยู่ที่ชั้น 1 ตลอดจนการจัดสรรพื้นที่เอาไว้สำหรับรองรับการติดตั้งลิฟต์ภายในบ้าน เพื่อให้ง่ายต่อการขึ้นลงของผู้สูงอายุ

คุณอุษณามองว่า ที่อยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบสำหรับวัยเกษียณ จะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบหลายส่วน อาทิ สังคมที่อยู่อาศัยต้องเป็นสังคมแบบ Happy Community เพื่อให้ผู้สูงอายุได้พบปะเพื่อนฝูงและทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างมีความสุข มีพื้นที่รองรับการทำกิจกรรมให้กับผู้สูงอายุ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย เพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะต้องใส่ใจในการออกแบบทุก ๆ จุด และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ก็คือ เรื่องของความปลอดภัย ที่ไม่ใช่เพียงความปลอดภัยจากคนภายนอก แต่รวมถึงความปลอดภัยในการใช้ชีวิตภายในที่อยู่อาศัยด้วย ดังนั้น ควรจะมีสัญญาณเตือนต่าง ๆ และกล้อง CCTV เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

เฉกเช่นกับการพัฒนาโครงการแอร์รี่ ภายใต้แนวคิด “Nesting in Timeless Harmony” บ้านที่ตอบโจทย์ทุกชีวิต ทุกเพศ และทุกวัย เพื่อให้ทุกคนในบ้านได้สร้างมรดกแห่งความรักและความสุขร่วมกัน โดยการออกแบบภายนอกจะเน้นในเรื่องของ Timeless Design ในสไตล์ Modern Classic ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมย่าน Central Park New York และเป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย บ้านโครงการแอร์รี่ก็ยังคงร่วมสมัยอยู่ พร้อมการออกแบบพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันการใช้งานแบบ Universal Design ที่รองรับคนทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุด้วย 

“ความจริงใจ” หัวใจสำคัญของธุรกิจ

คุณอุษณามองว่า หัวใจสำคัญที่ทำให้เดอะ เนสท์ ประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้ คือ การมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการ (Insight) ของผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยจริงได้อย่างตรงใจ และอีกหนึ่ง Key to Success ก็คือ ความจริงใจที่ส่งมอบให้กับลูกค้าทุกท่านผ่านการออกแบบและจัดวางฟังก์ชันอย่างพิถีพิถัน ตลอดจนการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูงต่าง ๆ มาใช้ในโครงการ ซึ่งล้วนผ่านการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคมาเป็นอย่างดี จนทำให้ลูกค้าตอบรับเป็นเสียงเดียวกันว่า คุ้มค่าทุกตารางนิ้วจริง ๆ

ทั้งนี้ ภายใน 3 - 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดตัวโครงการใหม่ที่ตอบโจทย์อนาคตของที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในอนาคต โดยคาดว่าแต่ละปีจะมีโครงการมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งยังคงมุ่งเน้นโครงการแนวสูงและแนวราบ ภายใต้แบรนด์ เดอะ เนสท์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม และ แอร์รี่ ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว

“การทำธุรกิจก็เปรียบเสมือนกับการสร้างบ้านของเรา บ้านที่ดีจะต้องเริ่มจากรากฐานที่แข็งแรงและคงทน เช่นเดียวกันการทำธุรกิจที่ดี ก็จะต้องเติบโตอย่างมีคุณภาพและมั่นคง ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา โครงการคอนโดมิเนียมและบ้านต่าง ๆ ของเราน่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ในเรื่องของคุณภาพที่เหมาะสมกับราคา อีกทั้งเรายังมีพันธมิตร (Partner) ที่แข็งแกร่ง เข้ามาผนึกกำลังในการช่วยสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบโครงการที่จะช่วยให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุก ๆ มิติ ซึ่งสิ่งที่สะท้อนความสำเร็จและการเติบโตได้ดีที่สุด ก็คือ เสียงชื่นชมและรอยยิ้มจากลูกค้าที่มอบให้กับพวกเราเสมอมา” คุณอุษณาทิ้งท้าย

file