1534327749145 1

Upside จำกัด แนะเลือกหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม ที่ยัง Laggards แต่กำไรปีนี้เติบโตดี

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 39 | คอลัมน์ Investment Strategy

หุ้นไทยปีที่แล้ว Outperform สุด ในเอเชีย ปรับตัวขึ้น 18%

ตลาดหุ้นไทยปีที่แล้ว (ข้อมูลถึง 8 ธ.ค. 2016) ปรับตัวขึ้น 18% นอกจากจะเป็นตลาดหุ้นที่ ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียแล้ว ยังติด 1 ใน 10 ของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ให้ ผลตอบแทนดีที่สุดด้วย (Outperform) เทียบกับ ตลาดหุ้นทั่วโลกเฉลี่ยปรับตัวขึ้นเพียง 6% ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรง สุดในปีที่ผ่านมา คือ PROF +54%, AGRI +40%, COMM +40%, PKG +40%, FIN +39%, PETRO +39% และ ENERG +36% ตามลำ ดับ ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวแย่ที่สุด คือ MEDIA -10%, CONMAT -2%, CONS -1%, PROP +3% และ ICT +5% ตามลำดับ

IS graph 1

เราเคยให้ข้อสังเกตแก่นักลงทุนใน Trust ฉบับที่แล้วว่า ตลาดหุ้น ที่ Outperform ในปี 2016 ส่วนใหญ่ คือ ตลาดหุ้นที่ Underperform ในปี 2015 และในทางตรงกันข้าม ตลาดหุ้นที่ Underperform ในปี 2016 ส่วนใหญ่ คือ ตลาดหุ้นที่ Outperform ในปี 2015 สิ่งนี้สะท้อน ถึงการโยกของกระแสเงินทุนต่างประเทศไปมาระหว่างตลาดหุ้น กล่าวคือ เมื่อตลาดหุ้นไหนปรับตัวขึ้นมามากแล้ว ก็จะถูกขายทำกำไร และเงินจะไหลเข้าไปในตลาดหุ้นที่ราคายังขึ้นน้อยหรือปรับลงมา มากแล้วก่อนหน้านี้ สลับกันไปมาเช่นนี้

เช่นเดียวกันในบทความนี้ เราอยากตั้งข้อสังเกตลึกลงไปเป็น รายกลุ่มอุตสาหกรรมว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนดีในปี 2016 ส่วนใหญ่ ก็คือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนแย่ในปี 2015 และในทางตรงกันข้าม กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนแย่ในปี 2016 ส่วนใหญ่ คือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นผลตอบแทนดีในปี 2015 เราเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจาก Upside ของหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น เริ่มจำกัดหลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้วในระดับหนึ่ง โดยหาก ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก จะทำให้มีการโยกเม็ดเงิน ลงทุนสู่หุ้นที่ราคายังปรับขึ้นช้ากว่า (Laggards) จาก Upside ที่สูงกว่า ยกเว้นบางกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น FIN (GL, KTC, MTLS) ที่มีกำไรเติบโต สูงต่อเนื่อง ทำให้สามารถปรับตัวขึ้นได้ดีมาก 2 ปีติดต่อกัน และ TRANS (AAV, AOT, THAI) ที่มีประเด็นและจุดเด่นเฉพาะตัวในปี ที่ผ่านมา

warehouse 1

“กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนดีในปี 2016 ส่วนใหญ่ ก็คือ กลุ่มอุตสาหกรรม ที่ให้ผลตอบแทนแย่ในปี 2015”

IS graph1 1

ปีนี้มอง Upside จำกัด ตั้งเป้า SET Index ที่ 1,650 จุด

ระดับ SET Index แถว 1,520-1,530 จุด ในปัจจุบัน จะคิดเป็นการประเมินมูลค่าที่ไม่ถูกแล้วเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และหากเทียบกับตลาดหุ้น ภูมิภาค การประเมินมูลค่าหุ้นไทยก็ไม่ได้ดูโดดเด่นมากนัก จึงท􀁬ำให้ Upside ตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน เป็นหลัก ไม่ได้รับการปรับระดับการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมขึ้นอีก (Re-rating) จนกว่าจะเห็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และการเมือง มีความชัดเจนมากกว่าในปัจจุบัน (เช่น มีกำหนดการเลือกตั้งที่แน่นอน) ดังนั้น เราจึงประเมินเป้าหมาย SET Index สิ้นปี 2017 ที่ 1,650 จุด อิงจาก ค่า Forward PER เฉลี่ยระยะยาวที่ 13.8x ปี 2018F หรือมี Upside ไม่ถึง 9% สิ่งนี้สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของ SET Index ในช่วงหลายปี ที่ผ่านมาที่ยังคงมีแนวโน้มแกว่งขึ้น-ลงในกรอบ 1,200-1,650 เนื่องจากประเทศไทยยังอยู่ในช่วงการวางรากฐานด้านต่างๆ ในการปฏิรูปประเทศ

 

IS graph2 1
IS graph3 1

“แนะนำเลือกหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังปรับตัวขึ้นช้าในปีที่แล้ว (โดยเฉพาะ CONMAT และ CONS ที่ได้ประโยชน์จากการเร่งเดินหน้าลงทุนโครงการภาครัฐต่อเนื่อง)”

เลือกหุ้น Laggards ที่กำไรจะเติบโตสูงในปีนี้

ด้วยเรามอง Upside ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันมีจำกัด เราจึงแนะนำ เลือกหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังปรับตัวขึ้นช้าในปีที่แล้ว (โดยเฉพาะ CONMAT และ CONS ที่ได้ประโยชน์จากการเร่งเดินหน้าลงทุนโครงการ ภาครัฐต่อเนื่อง) แต่กำไรคาดจะเติบโตสูงในปีนี้ หุ้นเด่นที่เราแนะนำใน ไตรมาสนี้ คือ SAWAD (แนวโน้มกำไรปีนี้จะกลับมาเติบโตดีกว่าคู่แข่ง แถมการประเมินมูลค่าหุ้นยังถูก มูลค่าเหมาะสม 60 บาท) SVI (ราคา หุ้นยังไม่สะท้อนกำไรที่จะฟื้นตัวก้าวกระโดดในปีนี้จากการแก้ไขปัญหา คอขวดเสร็จสิ้นในปลายปีที่แล้วและได้คำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่ ประกอบกับกระแสเงินสดในมือจะขึ้นแตะระดับ 4 พันล้านบาทในปีนี้ หรือราว 1.8 บาท/หุ้น เปิดโอกาส M&A และจ่ายปันผลเพิ่มในอนาคต มูลค่าเหมาะสม 5.7 บาท) TPIPL (เป็นหุ้นที่กำไรปีนี้จะฟื้นตัวมาก แตะ 2.1 พันล้านบาท ดีสุดในรอบ 5 ปี จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า 90 MW ใน 1Q17 มีแผนนำบริษัทลูก TPIPP เข้าตลาดและจะพิจารณาตัด มูลค่าการตีราคาสินทรัพย์ขึ้น ออกจากมูลค่าทางบัญชี ซึ่งจะปลดล็อกค่า เสื่อมราคาได้ราว 1.3 พันล้านบาท/ปี หนุนกำไรสูงขึ้นโดยปริยาย มูลค่า เหมาะสม 3.3 บาท) UNIQ (เป็นหุ้นที่ถูกที่สุดในบรรดาหุ้นรับเหมา รายใหญ่ มีงานในมือมูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ ในช่วง 2 ปีข้างหน้า คาดกำไรดีต่อเนื่องทั้งใน 4Q16F

และปี 2017F จากการก่อสร้างที่เร่งตัวขึ้น และมีโอกาสได้รับงานประมูลใหม่ๆ อีกมาก มูลค่าเหมาะสม 25.5 บาท) VNG (กำไรไตรมาส 3/16 ต่ำกว่าคาด เพราะบันทึกส่วนต่างภาษีระหว่าง BOI กับกรมสรรพากร ซึ่งจบไปแล้ว คาดกำไรไตรมาส 4/16 จะโตดีมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฐานกำไรที่ต่ำในปีที่แล้ว และการเพิ่มสายการผลิต MDF แทน Particle Board หนุนให้มาร์จิ้นสูงขึ้น ปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น คือ การเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 400 MW และขยะอุตสาหกรรม 100 MW ในช่วงต้นปีนี้ มูลค่าเหมาะสม 15.9 บาท)

Trust Magazine by TISCO
Scroll to Top
ไอคอน PDPA

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของท่าน โดยท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็น

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า