“อาร์ตทอย” ของเล่นฮิตคนรุ่นใหม่ ผ่านมุมมองของ พงศธร ธรรมวัฒนะ ผู้ก่อตั้งงาน Thailand Toy Expo

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 66 | คอลัมน์ Living Art

ช่วงที่ผ่านมา “อาร์ตทอย” (Art Toy) กลายเป็นของเล่นของสะสมยอดฮิตในเมืองไทย อย่างที่หลายคนคงจะได้เห็นปรากฏการณ์ที่ทำให้เกิดบริษัททั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าเข้ามาในกลุ่มของเล่นอาร์ตทอยเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนเห็นถึงธุรกิจตลาดอาร์ตทอยที่กำลังขยายตัวในไทยอย่างรวดเร็ว

file

ทำความรู้จักกับอาร์ตทอย

อาร์ตทอย คือของเล่นที่ผลิตขึ้นโดยศิลปินหรือนักออกแบบที่เรียกว่าดีไซเนอร์ทอย ซึ่งมีทั้งการผลิตเองแบบอิสระ หรือผลิตภายใต้ค่ายที่เป็นแบรนด์ของเล่น โดยทำจากวัสดุได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโลหะ พลาสติก ไวนิล เอบีเอส อะคริลิก ลาเท็กซ์ เรซิน ปูนปั้น ไม้แกะสลัก ฯลฯ ในขนาดที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีขนาดราว 7 เซนติเมตร สำหรับอาร์ตทอยรุ่นแรก ๆ ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดี คือ BE@RBRICK เจ้าหมียอดฮิตที่โด่งดังไปทั่วโลก 

เหตุใดอาร์ตทอยจึงเป็นที่นิยม

หากจะถามว่าเหตุใดเจ้าของเล่นตัวเล็ก ๆ นี้จึงเป็นที่นิยม ประการแรกคือรูปลักษณ์ที่สร้างสรรค์ แปลกใหม่ เนื่องจากการออกแบบอาร์ตทอย ไม่จำเป็นต้องอิงตามความเป็นจริง หรือตามคาแรกเตอร์นั้น ๆ แต่ศิลปินสามารถออกแบบโดยใช้จินตนาการได้อย่างเต็มที่ ประการต่อมาคือการผลิตอาร์ตทอยที่มีจำนวนจำกัด ยิ่งมีน้อยเท่าไร ความแรร์ก็มักจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ประการต่อมาคือ การได้ลุ้นจากการเปิดกล่องอาร์ตทอยแบบสุ่ม เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ชอบความตื่นเต้นท้าทาย และประการสุดท้ายคือการมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น การแจกโค้ดในกล่องสุ่มอาร์ตทอย เพื่อให้นักสะสมสแกนเพื่อรับชมคอนเทนต์สุดพิเศษ นอกจากนี้ มูลค่าของอาร์ตทอยอาจเพิ่มขึ้นในอนาคต หากรุ่นนั้น ๆ กลายเป็นกระแสหรือเป็นที่นิยมของนักสะสม ดังนั้น นอกจากอาร์ตทอยจะเป็นของเล่นของสะสมแล้ว ยังอาจเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนทางเลือกได้อีกด้วย

Thailand Toy Expo รวมพลคนรักอาร์ตทอยในเมืองไทย

หากจะพูดถึงงานที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนเทศกาลประจำปีของอาร์ตทอย คงต้องยกให้งาน Thailand Toy Expo ที่ผู้ก่อตั้งงานอย่างคุณจี๊ป-พงศธร ธรรมวัฒนะ ได้เดินหน้าจัดงานต่อเนื่องมากว่า 11 ปี แม้ในช่วงเกิดวิกฤต COVID-19 ก็ได้เปลี่ยนรูปแบบการจัดงานเป็น Virtual Reality (VR) Online ซึ่งก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน โดยงานนี้ทำให้ศิลปินอาร์ตทอยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก เช่น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง รวมไปถึงเกาหลีใต้ ได้มีพื้นที่ “ปล่อยของ” นำคอลเล็กชันอาร์ตทอยที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน มาเปิดตัวและจำหน่ายที่งานนี้เป็นครั้งแรก พร้อมด้วยของเล่น ของสะสมอีกกว่า 150 แบรนด์ทั่วโลก ทั้งยังเป็นงานรวมพลของเหล่านักสะสมที่จะมาพบปะพูดคุยกัน ซึ่งทำให้คุณพงศธรได้ทราบว่าตลาดอาร์ตทอยในเมืองไทยใหญ่และกว้างมาก

“อาร์ตทอยเป็นผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์จากศิลปิน ซึ่งก็เหมือนงานอาร์ตทั่วไปที่คนเห็นแล้วก็มีทั้งชอบและไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับรสนิยม ไม่มีอะไรผิดอะไรถูก ไม่มีงานใครสวยกว่างานใคร ซึ่งพอผมเห็นว่าศิลปินอาร์ตทอยบ้านเราก็เก่ง ๆ หลายคน บางคนเก่งกว่าคนที่ดัง ๆ ระดับโลกด้วยซ้ำ เพียงแต่เขายังไม่มีโอกาสได้แสดงออก มันจึงทำให้ผมอยากสร้างงานของเล่นขึ้นมาสักงาน เพื่อเป็นเวทีให้คนที่มีความสามารถมาแสดงผลงานตัวเอง จนหลายคนต่อยอดมีชื่อเสียงก็จากงานนี้ แล้วเหมือนเราได้เป็นเรือที่ส่งเขาถึงฝั่ง ผมว่านี่เป็นคีย์หลักของงานที่ประสบความสำเร็จของเรา

รวมไปถึงการได้เปิดโลกอาร์ตทอยให้คนไทยเข้าถึงอีกมุม ที่ไม่ใช่แค่งานมาซื้อของเล่นทั่วไป แต่มันยังสามารถสร้างงานให้กับคนที่ชอบของเล่นให้เกิดเป็นอาชีพได้ แต่จริง ๆ นะ สำหรับผมแค่คนเข้ามาในงาน แค่ได้มาดูของเล่น ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ขอแค่มีคนให้การตอบรับดีขึ้นทุกปี ก็ถือเป็นความสำเร็จในฐานะคนจัดงานแล้ว” คุณพงศธรกล่าว

ผลงานศิลปินอาร์ตทอยเลือดไทยแท้

ในเมืองไทยมีศิลปินอาร์ตทอยหลายคนที่มีผลงานสร้างชื่อเสียงได้ทั้งในไทยและนานาชาติ ซึ่งศิลปินคนแรก ๆ ที่เรานึกถึงกันคือคุณมด-นิสา ศรีคำดี หรือ Molly เจ้าของผลงานอาร์ตทอย “Cry Baby” ที่ทางแบรนด์ POP MART ได้คัดเลือกให้ไปร่วมงานด้วย เพราะคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นเป็นซิกเนเจอร์ สามารถสื่อสารได้หลายอารมณ์ ทั้งหัวเราะหรือร้องไห้ในใบหน้าเดียว

นอกจากนี้ คุณจี๊ปก็ไม่ได้เป็นเพียงผู้ก่อตั้งงาน Thailand Toy Expo เท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งบทบาทคือการเป็นดีไซเนอร์ทอยให้กับแบรนด์ของตัวเองที่ชื่อว่า JP Toys และ JPX อีกด้วย ตัวอย่างผลงานที่สร้างชื่อเสียงอย่างเช่น “โมเดลควาย” ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ของคำว่า “วิ่งควาย” เนื่องจากมีสินค้าอยู่ 200-300 ชิ้น แต่มีนักสะสมมาต่อแถวซื้อมากกว่า 3,000 คน และล่าสุดก็มีมาสคอต “น้องทอย” ที่ได้ทำร่วมกับการ์ดเกมยูกิโอของบริษัท KONAMI ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคุณพงศธรก็เป็นศิลปินดีไซเนอร์ทอยคนแรกในโลกที่ได้ทำอีกด้วย

คำแนะนำในการสะสมอาร์ตทอย

file

อีกหนึ่งบทบาทของคุณพงศธรคือการเป็นนักสะสมอาร์ตทอย จนได้รับฉายาว่า “เจ้าพ่อของเล่น” โดยมีของสะสมหายากทั้งหุ่นยนต์ ฟิกเกอร์ โมเดล รวมแล้วมากกว่า 100,000 ชิ้น ซึ่งบางอย่างก็มีเพียงชิ้นเดียวในโลกเท่านั้น โดยคุณพงศธรเปิดเผยว่า ส่วนตัวแล้วก็มีอาร์ตทอยที่เคยซื้อมาเมื่อราวปี 2549 - 2551 ในราคาหลักหมื่นบาท ปัจจุบันกลายเป็นรุ่นที่นักสะสมนิยมกันมากขึ้น ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นจนถึงหลักล้านบาท นั่นหมายความว่าหากขายก็จะได้กำไรสูงมาก จุดนี้เองทำให้หลาย ๆ คนอยากสะสมอาร์ตทอยเพื่อลงทุน แต่คุณพงศธรกลับมองต่างออกไป

“ผมไม่ใช่ศิลปิน วาดรูปไม่เป็น ผมเป็นแค่คนที่ชอบของเล่นและเรียนรู้มูลค่าจากการซื้อขาย แต่ด้วยความที่เป็นนักสะสม ทำให้ผมซื้ออาร์ตทอยเข้ามา มากกว่าขายออกไป ซึ่งผมว่าตอนนี้มีนักสะสมหน้าใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดเยอะมาก มีทั้งคนที่ชอบจริง ๆ กับคนที่เข้ามาทำกำไร ซึ่งคนที่เข้ามาทำกำไรจะอยู่แค่แป๊บเดียว แล้วก็ออก เพราะลงทุนไปแล้วไม่เป็นไปตามที่หวัง คือมีคนที่ได้กำไรบ้าง แต่มักจะขาดทุนเยอะกว่า ถ้าคุณมีทุนทรัพย์เยอะจะลองซื้ออาร์ตทอยตัวละ 40,000 ก็ได้ แต่คุณอาจจะไม่ได้ชอบมันจริง ๆ แล้วในที่สุดก็ต้องขายขาดทุนไป 30,000 หรืออย่างกล่องสุ่มมันก็จะมีช่วงพีก แต่ผมรู้สึกว่าฟองสบู่จะแตกแล้ว ใครที่เข้ามาตอนนี้เหนื่อยหมด ดังนั้น ถ้าอยากจะเก็บสะสมอาร์ตทอย ผมว่าเลือกสะสมรุ่นที่ชอบ ดีกว่าเลือกที่มูลค่าหรือโอกาสสร้างกำไร” คุณพงศธรกล่าว

สิ่งที่อยากเห็นต่อไปในวงการอาร์ตทอย

คุณพงศธรเผยว่า จุดมุ่งหมายสูงสุดของศิลปินในการสร้างสรรค์งาน คือการที่มีคนได้เห็นผลงานของตัวเองในวงกว้าง โดยไม่สำคัญว่าจะนำมาซึ่งคำชื่นชมหรือคำวิจารณ์ จึงอยากให้มีคนเข้ามาสัมผัสกับผลงานของศิลปินอาร์ตทอยให้มากขึ้น แม้ว่าในอนาคตกระแสอาร์ตทอยจะยังติดลมบน หรือจะสร่างซาลงไปก็ตาม เพราะอาจจะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ทำให้ชาวต่างชาติรู้จักประเทศไทย ซึ่งเรามีศักยภาพมากพอที่จะเป็นศูนย์กลาง (Hub) ของอาร์ตทอยได้