
4 ตำนานวัดทรงพลังมนต์ขลังแห่งขุนเขา เดินทางแสวงบุญ ไหว้พระ ขอพร เสริมสิริมงคลชีวิต
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 71 | คอลัมน์ Going Away

เข้าสู่ปีใหม่...คอลัมน์ Going Away ชวนออกเดินทางสร้างพลังบุญเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตให้ได้พลังดี ๆ ไปตลอดทั้งปี ด้วยทริปสุขใจกับการได้ไหว้พระ ทำบุญ ขอพรส่งความสุข ความสำเร็จแก่ตัวเอง และครอบครัว ในพิกัด 4 จุดหมายปลายทางของวัดระดับตำนานอันทรงพลังมนต์ขลังแห่งความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ณ 4 ยอดเขา Unseen Thailand ใน 4 ดินแดนต่างฟากฝั่งของทางเหนือ อีสาน ตะวันออก และทางใต้ ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยความงดงามอลังการงานสร้างจากธรรมชาติที่สวยจับใจจนอยากให้ทุกคนเดินทางไปถึงในสักครั้งหนึ่งของชีวิต

‘อุทยานธรรมเขานาในหลวง’ เจดีย์ลอยฟ้าบนยอดเขา
งดงามเปี่ยมศรัทธา ณ สุราษฎร์ธานี
‘อุทยานธรรมเขานาในหลวง’ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม อบรมวิปัสสนากรรมฐานที่อยู่บนยอดเขาสูง แต่สามารถขับรถขึ้นถึงได้ เหมาะกับคนที่อยากแสวงหาความสงบให้ชีวิต โดยมีแลนด์มาร์ก คือ ความวิจิตรของซุ้มประตูโบราณแบบ 9 ยอดของทางเข้าที่เรียกว่า ‘ซุ้มประตูพุทธาวดี’ สถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงาม ดูเก่าแก่และเต็มไปด้วยพลังความขลัง ถือเป็นจุดไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะถ่ายรูปในมุมนี้ ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง ยิ่งเวลาแสงอาทิตย์สีทองตกกระทบกับซุ้มประตูในยามเช้า จะปรากฏเป็นภาพอันงดงามราวประตูสวรรค์
ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังศรัทธาของชาวบ้าน โดยงานออกแบบสถาปัตยกรรมที่อยู่ภายในวัด สามารถทำได้กลมกลืนไปกับธรรมชาติอย่างลงตัว มีจุดเช็กอินเป็นยอดเจดีย์ 6 แห่ง ตั้งอยู่บนเขาต่าง ๆ ที่ต้องเดินเท้าขึ้นไปเพื่อเยี่ยมชมและสักการะ เจดีย์แต่ละองค์มีความสวยงามในด้านศิลปะและขนาดใหญ่โตที่แตกต่างกันไป ซึ่งอยากให้ทุกคนไปพิชิตทุกยอดเจดีย์เพื่อเป็นสิริมงคลชีวิต โดยศาสนสถานสำคัญ คือ เจดีย์ลอยฟ้าพระพุทธศิลาวดี ก่อสร้างด้วยศิลาแลงจากเมืองกำแพงเพชร ตั้งอยู่บนยอดเขาหินปูนสูงจากพื้นที่ราว 300 เมตร ภายในพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อีกทั้งบนยอดเขายังมีรอยพระพุทธบาทให้เดินขึ้นไปสักการะด้วย
วัดสิรินทรวราราม (ภูพร้าว) งามวิจิตรเรืองแสง
วัดป่าหิมพานต์ อัศจรรย์แห่งพลังศรัทธาริมน้ำโขง อุบลราชธานี
พาสายบุญไปสักการะ ‘วัดสิรินทรวราราม’ วัดสวยบนเนินเขาสูงริมแม่น้ำโขงในอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีอีกสองชื่อที่นิยมเรียกคือ ‘วัดภูพร้าว’ หรือ ‘วัดเรืองแสง’ แห่งเดียวในประเทศไทย อาณาจักรโดยรอบถูกจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศบนยอดเขาที่สามารถมองเห็นพระอุโบสถสีทองโดดเด่นงดงาม ซึ่งมีต้นแบบมาจากวัดเชียงทอง สปป.ลาว ให้ผู้มาเยือนได้เข้าไปกราบสักการะองค์พระประธานภายในที่งดงาม ด้านหลังโบสถ์เป็นงานจิตรกรรมที่จะมีปรากฏการณ์ ‘วัดเรืองแสง’ เพราะสามารถเรืองแสงสีเขียวของต้นกัลปพฤกษ์ตั้งแต่เริ่มพลบค่ำ ยิ่งถ้าหากเดินทางไปวัดแห่งนี้ในคืนเดือนมืด ยิ่งมองเห็นการเรืองแสงของต้นกัลปพฤกษ์และดวงดาวได้ชัดเจน เป็นอีกปรากฏการณ์ Amazing Thailand ที่ถูกกล่าวขาน
ด้านหลังพระอุโบสถของ ‘วัดสิรินทรวราราม’ ยังมีจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่มองเห็นทิวทัศน์ฝั่งประเทศลาว โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกดินจะเห็นดวงอาทิตย์กลมโตค่อย ๆ ลดระดับจนลับขอบฟ้า เป็นอีกภาพสวยงามอันน่าประทับใจ ปัจจุบันวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานี 70 กิโลเมตร โดยจะถึงก่อนด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องเม็กราว 3 กิโลเมตร เป็นอีกสถานที่อันน่าอัศจรรย์ในพลังแห่งศรัทธาพระพุทธศาสนาที่ดีต่อใจกับทุกคนที่ได้เข้ามาไหว้สักการะขอพรในวัดแห่งนี้

‘วัดผาลาด (สกทาคามี)’ โบราณสถานอายุกว่า 600 ปี
งดงามลึกลับ ทรงพลังมนต์ขลังบนดอยสุเทพ เชียงใหม่
เชื่อว่าสายแสวงบุญต้องถูกใจวัดโบราณมนต์เสน่ห์แห่งล้านนาอายุกว่า 600 ปี โดย ‘วัดผาลาด’ หรือ ‘วัดสกทาคามี’ อยู่บนแผ่นดินล้านนามาช้านาน มีเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ในสมัยราชวงศ์เม็งราย ยุคของพระเจ้ากือนา ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากสุโขทัยใส่หลังช้างมาเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (วัดพระธาตุดอยสุเทพในปัจจุบัน) โดยช้างในครั้งนั้นเดินทางมุ่งหน้าไปทางดอยอ้อยช้าง ทิศตะวันตกของเมือง ซึ่งทั้งพระเจ้ากือนา พญาลิไทยจากเมืองสุโขทัย และเหล่าเสนาอำมาตย์ก็แห่ฆ้อง กลอง ตามหลังช้างไป และ ‘วัดผาลาด’ เป็นจุดที่สองที่ช้างมาหยุด จึงสร้างอนุสรณ์สถานไว้ ณ วัดแห่งนี้
‘วัดผาลาด’ ซ่อนความงดงามแปลกตาท่ามกลางธรรมชาติป่าเขาบริเวณเชิงดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ในวัดมีน้ำตกเล็ก ๆ และลำธารไหลผ่าน บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปในโลกยุคโบราณด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่และสัมผัสได้ถึงพลังงานความขลังของสถานที่ ซึ่งบริเวณน้ำตกสามารถมองเห็นวิวเมืองเชียงใหม่ ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นสถานที่ให้การศึกษาและปฏิบัติธรรมของผู้คนที่ต้องการแสวงบุญ รวมถึงผู้ที่ต้องการขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ
การเดินทางมาที่ ‘วัดผาลาด’ ใช้เส้นทางเดียวกับทางขึ้นดอยสุเทพ ห่างจากอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อเข้ามาในวัดจะพบ ‘วิหารพระพุทธบาทศรีวิชัยโภคา’ วิหารสีขาวประดิษฐานพระพุทธเมตตาผาลาด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2477 และ ‘นรสิงห์ทรงพม่า’ รูปปั้นสิงห์สง่างามขนาดใหญ่ ศิลปะแบบพม่า เฝ้าปากทางเข้าวัด ใครที่แวะเวียนไปถึงให้เริ่มต้นไหว้พระเสริมสิริมงคลชีวิตกันตั้งแต่จุดทางเข้าบริเวณนี้
จากนั้นเข้าไปเยี่ยมชม ‘วิหารพระเจ้ากือนา’ ประดับด้วยไม้แกะสลักรูปนกยูงและกระจกสีเขียวฟ้า ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบชาวลั๊วะ และที่งดงามไม่แพ้กันคือ ‘เจดีย์ทรงพม่า’ ที่สร้างโดยชาวพม่า ทำให้ลักษณะของเจดีย์ออกมาเป็นศิลปะพม่า สันนิษฐานว่าคล้ายกับ ‘วัดมหาวัน’ บนถนนท่าแพ เมืองเชียงใหม่ แต่สภาพของเจดีย์แห่งนี้กลายเป็นเพียงเจดีย์โบราณที่ประดับด้วยรูปปั้นสิงห์โบราณ ทว่าความเก่าแก่นี้เอง กลับดูมีเสน่ห์และเต็มไปด้วยพลังมนต์ขลังด้วยเช่นกัน
ใกล้ ๆ กันเป็นหมุดหมายไฮไลต์ของวัดผาลาด นั่นคือ ‘หอพระพุทธรูปริมผา’ เจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมมีลวดลายปูนปั้นเก่าแก่ เป็นอีกจุดสำคัญที่พุทธศาสนิกชนนิยมมานั่งปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ ‘วัดผาลาด’ ยังถูกกล่าวขานด้วยว่า มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยวสายแสวงบุญนิยมมาตักน้ำพรมบริเวณศีรษะและลำตัวเพื่อความเป็นสิริมงคล



‘เขาคิชฌกูฏ’
นมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงบนยอดเขา จันทบุรี
จุดหมายปลายทางอันเป็นหัวใจของการเดินทางไปให้ถึง ‘เขาคิชฌกูฏ’ หรือ ‘พระพุทธบาทพลวง’ คือการมาสักการะรอยพระพุทธบาทที่เชื่อว่าเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า ถือเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ใจกลางธรรมชาติ โดยเป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดในประเทศไทย เหนือระดับน้ำทะเล 1,050 เมตร ซึ่งหลวงพ่อเขียนเป็นผู้บุกเบิกให้คนไทยรู้จักสถานที่แสวงบุญแห่งนี้ ในแต่ละปีจึงมีผู้แสวงบุญจำนวนมหาศาลได้ตั้งจิตมั่นออกเดินทางไปให้ถึงยอดเขา โดยในหนึ่งปี ‘เขาคิชฌกูฏ’ เปิดให้ขึ้นในงานประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ ช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนของทุกปี แต่ละปีกำหนดวันแตกต่างกัน (ติดตามกำหนดการเปิดเขาคิชฌกูฏจากอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี)
การได้เดินทางมานมัสการรอยพระพุทธบาทที่นี่ ถือเป็นประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ในพลังศรัทธาพระพุทธศาสนาด้วยเชื่อว่า การได้มากราบไหว้จะได้รับบุญกุศลแรงกล้าและเสริมสิริมงคล อีกทั้งยังได้รับความสุขจากการได้สัมผัสธรรมชาติอันสวยงาม นอกจากนี้ เขาคิชฌกูฏยังมีวัดวาอารามรายล้อมอยู่รอบ ๆ ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและให้ศึกษาพระธรรมคำสอน

