NCDs ปัญหาสุขภาพที่ท้าทาย บรรเทาค่าใช้จ่ายได้ด้วยประกันโรคร้ายแรง
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 69 | คอลัมน์ Holistic Financial Advisory

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) นับเป็นปัญหาสุขภาพอันดับ 1 ของโลกรวมถึงประเทศไทย แม้ในปัจจุบันนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง การลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยการทำประกันโรคร้ายแรงจึงมีความจำเป็นอย่างมาก
โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (Non-Communicable Diseases) เป็นกลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโรคและไม่สามารถแพร่จากคนสู่คนได้ แต่เป็นโรคที่มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีิวิต ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการทานอาหาร การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ความเครียด การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และยังรวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างมลภาวะทางอากาศอีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนนำไปสู่ความเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยลักษณะการพัฒนาของกลุ่มโรค NCDs จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป สะสมจากพฤติกรรมดังกล่าวจนนำไปสู่โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคไตเรื้อรัง และโรคสมองเสื่อม เป็นต้น
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่า ในแต่ละปีกลุ่มโรค NCDs คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปราว 41 ล้านคน คิดเป็น 3 ใน 4 ของสาเหตุการเสียชีวิตทั่วโลก เช่นเดียวกับประเทศไทยที่กลุ่มโรค NCDs เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 โดยมีจำนวนผู้ป่วยด้วยกลุ่มโรค NCDs ในไทยถึง 14 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรคนี้กว่า 300,000 คนในแต่ละปี ซึ่งตัวเลขนี้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในแต่ละปี

โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ เป็นโรคในกลุ่ม NCDs ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตในอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็งยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีิวิตอันดับ 1 ของคนไทยตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่าในแต่ละวันมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ในไทยราว 400 คน และมีคนไทยที่เสียชีิวิตจากโรคมะเร็งถึง 80,000 คนต่อปี คิดเป็นเฉลี่ยชั่วโมงละ 9 คน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์และการตื่นตัวของประชาชนที่มีมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองมะเร็งมากขึ้นจากในอดีต ประกอบกับเทคโนโลยีในการรักษาโรคมะเร็งที่ก้าวหน้าทำให้การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันย่อมตามมาด้วยค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งที่ค่อนข้างสูง
ปัจจุบัน ค่ารักษาโรคมะเร็งอยู่ที่ประมาณ 300,000 ถึง 8,000,000 บาท โดยหากรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด เคมีบำบัด และรังสีรักษา ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นจะอยู่ที่หลักแสน แต่หากเป็นการรักษาแบบพุ่งเป้า (Targeted Therapy) ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยกว่าเคมีบำบัดและมีประสิทธิภาพสูง ค่าใช้จ่ายในการรักษาจะสูงถึงหลักล้าน โดยอาจสูงถึง 8,500,000 บาทต่อคน

สำหรับโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) แบ่งเป็นหลอดเลือดสมองตีบและหลอดเลือดสมองแตก โดยหลอดเลือดสมองตีบ พบได้ราว 85% ขณะที่หลอดเลือดสมองแตกพบได้ราว 15% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นฉับพลันและอันตรายถึงชีวิต มีภาระของโรคค่อนข้างสูง เนื่องจากมักเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆรวมถึงการสูญเสียความทรงจำและอัมพาต โดยค่ารักษาพยาบาลจะเริ่มต้นที่ประมาณ 110,000 บาท สำหรับโรงพยาบาลรัฐบาล (350,000 บาท สำหรับโรงพยาบาลเอกชน) ไปจนถึง 800,000 บาท หรืออาจสูงกว่านั้นกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน และโอกาสที่ผู้ป่วยจากโรคหลอดเลือดสมองจะกลับมาหายเป็นปกติค่อนข้างจำกัด ส่วนมากมักต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ค่ารักษาสำหรับโรคหลอดเลือดสมองค่อนข้างสูงเช่นกัน
ส่วนโรคหัวใจและหลอดเลือด สาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก ข้อมูลจาก WHO พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดทั่วโลกกว่า 20 ล้านคน ในขณะที่ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ถึง 7 หมื่นราย เฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี (รายงานของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2565) นอกจากนี้ยังพบในผู้ที่อายุน้อยมากขึ้น ตั้งแต่อายุ 30-35 ปี ซึ่งค่ารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นอีกโรคที่มีค่ารักษาสูงมาก โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 200,000 บาท ไปจนถึงหลักล้าน
โรคในกลุ่ม NCDs เหล่านี้นับว่าเป็นโรคมีความร้ายแรงทั้งในแง่ของอัตราการเจ็บป่วยของโรคและภาระของโรคที่ค่อนข้างสูง ทั้งการดูแลและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การทำประกันโรคร้ายแรงจึงถือว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่จะเข้ามาช่วยลดภาระในส่วนของค่าใช้จ่าย ในขณะที่ค่าเบี้ยสำหรับประกันโรคร้ายแรงไม่ได้แพงอย่างที่หลายคนเข้าใจ โดยค่าเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่หลักพันเท่านั้น แต่ได้ความคุ้มครองหลักล้าน ยกตัวอย่างเช่น หากผู้เอาประกันอายุ 40 ปี ค่าเบี้ยจะเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 บาท ได้ความคุ้มครองโรคร้ายแรง 1 ล้านบาทต่อกลุ่มโรค หรือหากต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น ต้องการความคุ้มครองโรคร้ายแรง 5 ล้านบาทต่อกลุ่มโรค ค่าเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 21,000 บาท ซึ่งยังถือว่าคุ้มค่าหากเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการรักษาพยาบาลกลุ่มโรค NCDs

สำหรับวิธีการเลือกประกันโรคร้ายแรง ควรเลือกประกันโรคร้ายแรงที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมในหลากหลายกลุ่มโรค เช่น กลุ่มโรคมะเร็ง กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคเกี่ยวกับอวัยวะและระบบการทํางานที่สําคัญ กลุ่มภาวะติดเชื้อหรือการบาดเจ็บร้ายแรง กลุ่มภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน กลุ่มโรคร้ายแรงในผู้สูงอายุ เช่น โรคสมองเสื่อม และกลุ่มโรคร้ายแรงในเด็ก เป็นต้น นอกจากนี้ ประกันโรคร้ายแรงที่ดีควรจะจ่ายผลประโยชน์ให้ครอบคลุมครบถ้วนในแต่ละระยะของการเจ็บป่วย และที่สำคัญต้องไม่มีระยะเวลารอคอยระหว่างกลุ่มโรค เนื่องจากโรคร้ายแรงเป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและมักเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
นอกจากนี้ ควรพิจารณาประกันโรคร้ายแรงที่จ่ายเงินก้อนตั้งแต่ระยะเริ่มต้นในอัตราที่สูงเพื่อช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งค่าใช้จ่ายโดยตรงและค่าใช้จ่ายทางอ้อม เช่น ค่าใช้จ่ายระหว่างรักษาตัว รวมถึงต้องเป็นประกันโรคร้ายแรงที่รับต่ออายุกรมธรรม์ได้จนถึงช่วงอายุหลังเกษียณ เนื่องจากยิ่งอายุมากขึ้น ความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยด้วยกลุ่มโรค NCDs ยิ่งมีมากขึ้น
กลุ่มโรค NCDs แม้จะเป็นปัญหาสุขภาพที่ดูร้ายแรงทั้งในแง่โอกาสในการเจ็บป่วยจากโรคเหล่านี้ และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล แต่หากมีประกันโรคร้ายแรงที่คุ้มครองครอบคลุมเพียงพอจะช่วยลดข้อจำกัดในการเข้ารับการรักษา ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้แผนการเงินที่เราวางไว้ไม่สะดุดอีกด้วย