
Cape Town: The Enchanted Metropolis of South Africa เยือน “เคปทาวน์” เมืองเปี่ยมมนตราแห่งแอฟริกาใต้
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 68 | คอลัมน์ Horizon

เคปทาวน์ (Cape Town) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นั่นเพราะดินแดนแห่งนี้มีทัศนียภาพและแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติสุดตระการตาอยู่ทางตอนใต้ของประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) ณ แหลมกู๊ดโฮป (Good Hope Cape) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติก ท่ามกลางภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนทำให้สภาพอากาศร้อนแห้งในฤดูร้อน แต่ฝนตกในฤดูหนาวด้วยอิทธิพลของลมตะวันตก เพียงแค่นี้...ก็ทำให้เมืองเคปทาวน์เรียกความน่าสนใจจากบรรดานักท่องเที่ยวที่หลงใหลการเดินทาง และปักหมุดให้ที่นี่เป็น Best Destination ที่ต้องไปเยือนอีกแห่งของโลกให้ได้
เคปทาวน์คือเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) ได้รับการก่อตั้งในฐานะเมืองอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 1652 ปัจจุบันคือเมืองท่าและเมืองหลวงฝ่ายนิติบัญญัติ และเป็นที่ตั้งของรัฐสภา นอกจากความเจริญตามคุณลักษณ์ของเมืองใหญ่ รวมถึงมีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบสี่ศตวรรษ เคปทาวน์ยังมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และเป็นศูนย์กลางของความหลากหลายทางวัฒนธรรม ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมตลอดมา
ล่าสุดจากการจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2024 ของนิตยสารไทม์เอาต์ (Time Out) เคปทาวน์คว้าอันดับที่ 2 จาก 50 เมืองทั่วโลก ผ่านการลงคะแนนเสียงจากนักเดินทางที่ส่วนใหญ่เมื่อได้ไปเยือนเคปทาวน์ต่างหลงเสน่ห์ของเมืองนี้ จนยกให้เป็นทริปแห่งความประทับใจไม่รู้ลืม
The Majesty of Table Mountain
ด้วยลักษณะพิเศษของเมืองที่มี “ภูเขาโต๊ะ” หรือ Table Mountain ความสูงกว่า 1,086 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ในใจกลางเมือง ซึ่งถือว่าเป็นจุดดึงดูดสายตาของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี และสามารถมองเห็นได้จากทุกทิศทางไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของเคปทาวน์ด้วยยอดเขาที่มีรูปทรงราบเรียบแปลกตาแตกต่างจากลักษณะของภููเขาโดยทั่วไป มองแล้วชวนให้นึกถึงโต๊ะขนาดใหญ่ นี่จึงเป็นที่มาของชื่อภูเขาแห่งนี้ด้วยความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง ที่นี่จึงได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกยุคใหม่ และจากจุดเด่นนี้เองจึงเป็นแรงส่งให้ Table Mountain เป็นแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเคปทาวน์ รวมถึงประเทศแอฟริกาใต้ด้วย
ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเทเบิ้ลเมาเท่น (Table Mountain National Park) ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ราว 250 ตารางกิโลเมตร อยู่ในภูมิภาคเคปฟลอริสติก (Cape Floristic Region) ที่โดดเด่นเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพและพืชเฉพาะถิ่นแอฟริกาใต้ ซึ่งมีมากถึง 96% จากพืชพันธุ์มากกว่า 9,000 ชนิด ภูมิภาคนี้จึงมีทั้งคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจและชีวภาพ รวมทั้งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
สำหรับนักเดินทางสายธรรมชาติที่ร่างกายพร้อม ภูเขาแห่งนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวในฝันเพราะมีเส้นทางเดินป่าหลากหลายสาย เส้นทางเหล่านี้มีความยากง่ายแตกต่างกันไป และจะมอบทัศนียภาพสองข้างทางที่แตกต่างกัน แต่แม้ไม่ใช่สายเดินป่าก็สามารถชื่นชมความงามบนยอดเขาของเทเบิ้ลเมาเท่นอย่างง่ายดาย ด้วยบริการกระเช้าลอยฟ้า (Table Mountain Aerial Cableway) ที่พื้นหมุนได้ 360 องศา ระหว่างขึ้นสู่ยอดเขาจึงสามารถเห็นทิวทัศน์ได้อย่างทั่วถึง และใช้เวลาเพียง 5 นาที นักเดิน ทางก็จะถึงบนยอดเขาเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ พื้นที่รอบนอกของเทเบิ้ลเมาเท่นยังเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกดินหรือปิกนิก ภูเขาแห่งนี้ยังเป็นจุดยอดนิยมสำหรับการเล่นร่มร่อนและปีนผาด้วย

Table Mountain แลนด์มาร์กอันโด่งดังของเคปทาวน์

Breathe in Freshness at Kirstenbosch Botanical Gardens
แวะเที่ยวสวนพฤกษศาสตร์เคิร์สเทนบอช (Kirstenbosch Botanical Gardens) ตั้งอยู่บนเชิงเขาตะวันออกของเทเบิ้ลเมาเท่น ใกล้กับใจกลางเมืองเคปทาวน์ ถือเป็นหนึ่งในสวนพฤกษศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในแอฟริกาใต้ที่ได้รับรองสถานะมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญและความงดงามของสวนแห่งนี้ พื้นที่ธรรมชาติของสวนประกอบด้วยพืชฟินบอส (fynbos) ที่เป็นพืชเฉพาะถิ่น และป่าอะโฟรมอนเทน (Afromontane) ที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจเคิร์สเทนบอชผ่านเส้นทางเดินเท้าและเส้นทางเดินป่า 5 เส้นทาง ที่มีความยากง่ายแตกต่างกันไป นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางเดินเท้าเบรลล์ เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาได้สัมผัสป่าไม้และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติด้วยตนเอง โดยหนึ่งในไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือทางเดินลอยฟ้า (Centenary Tree Canopy Walkway) รูปทรงโครงกระดูกงู มีความยาว 130 เมตร ทอดผ่านยอดไม้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามของส่วนยอดของสวนแบบพาโนรามา และรู้ไหมว่า…หากมาเดินเคปทาวน์ในฤดูร้อน จะมีโอกาสเพลิดเพลินกับการแสดงดนตรีสดยามพระอาทิตย์ตกดิน รวมทั้งการฉายภาพยนตร์กลางแจ้งซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

The Charms of Boulder Beach's Penguin Residents


หาดโบลเดอร์ส (Boulders Beach) เป็นชายหาดที่ไม่เหมือนกับที่ใดในโลก เพราะที่นี่คือ “บ้าน” ของฝูงนกเพนกวินแอฟริกา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองและพบได้ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของแอฟริกาเท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถชมนกเพนกวินได้อย่างใกล้ชิดจากทางเดินริมทะเล โดยเรื่องราวน่ารัก ๆ ของสัตว์ตัวน้อยในชุดทักซิโดเริ่มต้นขึ้นในปี 1982 เพนกวินกลุ่มเล็ก ๆ เหล่านี้ได้อพยพมาอาศัยอยู่บนผืนทรายขาวนุ่มระหว่างก้อนหินแกรนิตขนาดใหญ่ ที่ช่วยปกป้องพวกมันจากคลื่นลมแรง ปัจจุบัน คาดว่ามีเพนกวินอาศัยอยู่ที่นี่ราว 2,000-3,000 ตัว โดยประชากรเพนกวินมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา
แม้จะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เพนกวินแอฟริกาถูกจัดเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ แต่หาดโบลเดอร์สและอาณาบริเวณโดยรอบเป็นส่วนหนึ่งของเขตคุ้มครองทางทะเล (Table Mountain National Park Marine Protected Area) ชายหาดจึงสะอาด ปลอดภัย และทำหน้าที่เป็นบ้านเพื่อปกป้องคุ้มครองเหล่าเพนกวินได้เป็นอย่างดี
นอกจากทิวทัศน์ของภูเขาที่สวยงามแล้ว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เคปทาวน์ได้มีการสร้างทางเดินขนาดใหญ่ 3 แห่ง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกว่า 6,000 คน และยังเอื้อประโยชน์และเป็นมิตรกับคนใช้รถเข็นที่มาเยี่ยมชมหาดแห่งนี้ทุกปี ทางเดินเหล่านี้ทอดผ่านเนินทรายและเหล่าพืชพรรณ ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นจุดชมวิวอันยอดเยี่ยม แต่ยังป้องกันอันตรายและมีส่วนสำคัญในการอนุุรักษ์เพนกวินแอฟริกาและรักษาความสวยงามของชายหาด เพื่อคงความเป็นบ้านที่ปลอดภัยของสัตว์ตัวน้อยที่จะคอยต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกอย่างยั่งยืนต่อไป
Walk Through History on the Robben Island
สำหรับนักท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ ต้องไม่พลาดการไปเยือนเกาะร็อบเบน (Robben Island) เกาะเล็ก ๆ ที่มีทัศนียภาพตระการตา อีกหนึ่งมรดกโลกของแอฟริกาใต้ ตั้งอยู่ ณ อ่าวเทเบิ้ล (Table Bay) ที่เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับระบบแบ่งแยกสีผิว (Apartheid) ในแอฟริกาใต้
ในอดีตสถานที่นี้ทำหน้าที่เป็นเรือนจำราวเกือบ 400 ปี และเป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองตั้งแต่ปี 1961-1991 ในช่วงยุคแบ่งแยกสีผิว อดีตประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของแอฟริกาใต้ เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela) เคยถูกคุมขังที่นี่นานถึง 18 ปี จากช่วงเวลาทั้งหมด 27 ปีที่เขาถูกจองจำ
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะแห่งนี้ ชมเรือนจำที่เคยคุมขังเนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela Capture Site) และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับชีวิตของเขา พร้อมชมเหมืองหินปูนที่นักโทษถูกใช้แรงงาน การไปเยือนเกาะร็อบเบนคือการเดินทางย้อนอดีตสู่ช่วงประวัติศาสตร์อันทรงพลัง เป็นดั่งกระจกสะท้อนถึงช่วงเวลาแห่งการต่อสู้เพื่ออิสรภาพและความเท่าเทียมด้วยพลังมวลชนท้องถิ่น



Groot Constantia: A Wine Lover’s Paradise
กรูตคอนสแตนเทีย (Groot Constantia) คือไร่องุ่นสำหรับการผลิตไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในแอฟริกาใต้ ก่อตั้งขึ้นในปี 1685 และได้รับการรับรองเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ที่แห่งนี้ผลิตไวน์คุณภาพระดับโลกหลากหลายชนิด และมีบทบาทสำคัญต่อการอนุรักษ์มรดกทางอุตสาหกรรมไวน์ของแอฟริกาใต้ จึงเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ควรค่าแก่การแวะไปเยี่ยมชม
ที่นี่ตั้งอยู่ในหุบเขาคอนสแตนเทีย (Constantia Valley) อันงดงาม มีฉากหลังเป็นอ่าวฟอลส์ (False Bay) ภายในไร่องุ่นแห่งนี้มีเส้นทางเดินเป็นวงกลม เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจและทำความรู้จักกับที่นี่ได้ทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าจะเป็น คฤหาสน์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบเคปดัตช์ (Cape Dutch) ที่ปลูกสร้างในศตวรรษที่ 17 หรือห้องเก็บไวน์ใต้ดิน (Cloete Cellar) อันโด่งดังในหมู่คนรักไวน์ เพราะเป็นแหล่งกำเนิดของไวน์แกรน์ คอนสแตนซ์ (Grand Constance) ที่นโปเลียนโปรดปราน
ที่นี่ยังมีทั้งพิพิธภัณฑ์ไวน์และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์วัฒนธรรม นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดเสียงอธิบายต่าง ๆ มาฟังประกอบได้ ระหว่างเยี่ยมชมบริเวณต่าง ๆ ด้วยตัวเอง และสำหรับผู้ที่เลือกการชมแบบมีผู้บรรยายตลอดเส้นทางก็จะเข้าชมเบื้องหลังกระบวนการผลิตไวน์อย่างเต็มรูปแบบได้ด้วย แน่นอนว่ามาถึงถิ่นกำเนิดย่อมต้องไม่พลาดกิจกรรมชิมไวน์ผลิตผลของฟาร์ม ซึ่งได้รับการยอมรับระดับโลกเพราะเป็นไวน์ระดับที่มีรางวัลรับประกัน ซึ่งหากถูกใจก็สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับไปได้เช่นกัน


Exploring Cape Town's Dynamic Cityscape
นอกจากความงามของธรรมชาติ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ และชิมไวน์ท้องถิ่นแล้ว ในตัวเมืองเคปทาวน์ล้วนเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของย่านชุมชนต่าง ๆ ที่รอให้นักเดินทางจากทั่วโลกเข้าไปค้นหาและทำความรู้จักอย่างลึกซึ้ง จึงควรจัดเวลาสำหรับการเยี่ยมชมเมืองเพื่อสัมผัสกับความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องถิ่น
การเดินทางไปเยือนเคปทาวน์จะไม่สมบูรณ์เป็นอันขาด หากปราศจากการเดินทอดน่องเพื่อใช้เวลาแบบสบาย ๆ สำรวจย่านวีแอนด์เอ วอเตอร์ฟอร์นต์ (V&A หรือ Victoria & Albert Waterfront – ตั้งชื่อตามราชินีวิกตอเรีย และเจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งอังกฤษ เนื่องจากแอฟริกาใต้เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ) ที่ตั้งของท่าเรือเก่าแก่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ เพราะสร้างขึ้นหลังจากการสถาปนาเมืองเคปทาวน์เพียงสองปี และยังใช้งานเรื่อยมาจนยุคปัจจุบัน นอกจากสวยตระการตาเพราะมีทิวทัศน์เป็นเทเบิ้ลเมาเท่นและมหาสมุทรแอตแลนติกแล้ว ที่นี่ยังจะเป็นแหล่งแฮงค์เอาต์ชวนเพลิดเพลิน เพราะเป็นที่ตั้งของภัตตาคารและร้านรวงมากมาย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสสีสันยามค่ำคืนของเคปทาวน์ ต้องไม่พลาดการไปเยือนลองสตรีต (Long Street) หรือจะเป็นคลุฟสตรีต (Kloof Street) ที่อยู่ไม่ไกลกัน โดยขึ้นชื่อเรื่องความสนุกสนานคึกคักหลังพลบค่ำ เพราะเป็นย่านสังสรรค์ยอดนิยมสำหรับชาวท้องถิ่น แต่หากต้องการกลิ่นอายความเก๋แนวคูล ๆ แนะนำย่านวู้ดสต็อก (Woodstock) แหล่งรวมชาวเคปทาวน์รุ่นใหม่ ที่ได้รับการแปลงโฉมจากพื้นที่รกร้างให้กลายเป็นย่านฮิปเก๋ ทุกวันเสาร์ย่านนี้จะมีตลาดนัดเนเบอร์กู๊ดส์ (Neighborhoods Market) จำหน่ายของกิน ของชำ และของเก๋ทำมือต่าง ๆ สร้างบรรยากาศเปี่ยมชีวิตชีวาตลอดทั้งวัน
มาถึงตรงนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเคปทาวน์จึงมัดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกและนิยามให้เป็นเมืองแห่งความงามที่มาพร้อมกับพลังชีวิตที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง นี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่จะปลุกทุกประสาทสัมผัสของผู้มาเยือน ไม่ว่าจะเป็นทัศนียภาพสุดตระการ ลิ้มลองสุนทรียะแห่งรสชาติเฉพาะตัว สัมผัสสายลมเย็นสบายจากภูเขาอันยิ่งใหญ่ เพลิดเพลินไปกับการฟังจังหวะชีวิตของเมือง และดื่มด่ำกับกลิ่นหอมของเหล่าพืชพันธุ์เฉพาะถิ่น จึงควรค่าแก่การสัมผัสประสบการณ์ในทุกแง่มุม


