จะซื้อประกันสุขภาพทั้งที ควรเลือกแบบมี หรือไม่มี Deductible

file

ท่ามกลางโรคระบาดและกระแสการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน ทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประกันสุขภาพแบบที่มี Deductible หรือแบบประกันสุขภาพที่มีค่าความ “รับผิดส่วนแรก” เนื่องด้วยความเข้าใจที่ว่า การทำประกันสุขภาพประเภทนี้ มีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าประกันสุขภาพโดยทั่วไป ก่อให้เกิดเป็นคำถามที่ตามมาว่า ถ้าจะตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพทั้งที ควรจะเลือกซื้อแบบที่มีหรือไม่มี “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” 

ประกันสุขภาพแบบที่มี “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” เหมาะกับใคร?

1.มีประกันสุขภาพหรือสวัสดิการบริษัทอยู่แล้ว แต่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มขึ้น

การเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบที่มี Deductible หรือ “ความรับผิดส่วนแรก” เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีแบบประกันสุขภาพหรือมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทอยู่แล้วเป็นทุนเดิม แต่ต้องการความคุ้มครองที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระในยามที่เจ็บป่วยรุนแรง  เนื่องจากประกันประเภทนี้ระบุว่า บริษัทประกันจะชำระเงินค่ารักษาพยาบาลส่วนที่เกินวงเงินให้ หากว่าผู้ป่วยมีการรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลส่วนแรกด้วยตนเองไปแล้ว เช่น ถ้าเลือกทำประกันสุขภาพแบบที่มี “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” 30,000 บาท หากค่าการรักษาพยาบาลทั้งหมด 100,000 บาท ทางบริษัทประกันจะคุ้มครอง 70,000 บาท และผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบ 30,000 บาทแรก ซึ่งค่าใช้จ่ายในความรับผิดส่วนแรกมูลค่า 30,000 บาทนั้น ผู้เอาประกันสามารถใช้วงเงินจากประกันสุขภาพฉบับเดิมที่มีอยู่แล้วหรือวงเงินสวัสดิการของบริษัทในการชำระได้ เท่ากับว่าผู้เอาประกันจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มทั้งสิ้น

2.มีงบประมาณที่จำกัด

จุดเด่นของประกันสุขภาพแบบที่มี “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” นั้นก็คือ ค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าแบบประกันสุขภาพโดยทั่วไป กล่าวคือ หากเราเลือกจ่ายค่าความรับผิดส่วนแรกสูงขึ้น จะสามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันได้ตั้งแต่ 25 - 35% เลยทีเดียว จึงทำให้การเลือกซื้อประกันประเภทนี้จะตอบโจทย์สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัดและไม่อยากจ่ายค่าเบี้ยที่สูงเกินความจำเป็น

3.มั่นใจว่ามีสุขภาพแข็งแรง แต่ไม่อยากเสี่ยง

เนื่องด้วยค่าเบี้ยประกันที่ค่อนข้างต่ำ แต่หากเจ็บป่วยขึ้นมาจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของค่ารับผิดส่วนแรกก่อน ทำให้ประกันสุขภาพประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อาจจะมีอายุไม่มากและมีสุขภาพแข็งแรงเป็นทุนเดิม เจ็บป่วยไม่บ่อย แต่อยากมีประกันซักฉบับไว้ป้องกันความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหนักที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะต้องจ่ายค่า “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” เพิ่ม ก็ยังคุ้มค่ากว่าการเลือกที่จะแบกรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมดไว้เองอย่างแน่นอน

ประกันสุขภาพแบบที่มี “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” ไม่เหมาะกับใคร?

ซื้อเป็นประกันสุขภาพฉบับแรกและไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลอยู่เลย

ประกันสุขภาพประเภทนี้ไม่เหมาะสำหรับการซื้อเป็นประกันฉบับแรกโดยที่ไม่มีแบบประกันสุขภาพฉบับอื่นมาก่อนหรือไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลจากแหล่งอื่นๆ อยู่เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีของผู้ที่สุขภาพไม่แข็งแรง เจ็บป่วยบ่อย การตัดสินใจเลือกซื้อประกันสุขภาพแบบที่มีค่า “รับผิดส่วนแรก (Deductible)” สูงๆ เพื่อหวังชำระค่าเบี้ยประกันต่ำๆ จะทำให้ผู้เอาประกันต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในค่ารับผิดส่วนแรกที่มากเกินความจำเป็น กว่าที่กรมธรรม์ประกันสุขภาพที่ซื้อไว้จะเริ่มให้ความคุ้มครอง

จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า ประกันสุขภาพแบบที่มีค่าความรับผิดส่วนแรกนั้น มีความเหมาะสมกับผู้เอาประกันที่มีประกันสุขภาพหรือสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลอยู่แล้ว แต่ยังต้องการความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงกรณีที่เจ็บป่วยรุนแรง ประกอบกับการที่มีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพประเภทอื่นๆ หากผู้เอาประกันเลือกซื้อแผนประกันได้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยลดภาระค่าเบี้ยและสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันทุกประเภท ก็คือ การประเมินตนเอง รวบรวมข้อมูลความคุ้มครองทั้งหมดที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน เพื่อไม่ให้ประกันเหล่านั้นทับซ้อนกันหรือเกิดความคุ้มครองที่มากจนเกินความจำเป็น เพื่อที่จะสามารถบริหารงบประมาณที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด

 

====================================================

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่คอลัมน์ Invest in Health ใน Wealthy Thai

 

บทความล่าสุด

หุ้นกลุ่ม Healthcare ทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีหุ้นโลก

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่ม Healthcare กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น จากแนวโน้มการเติบโตที่คาดว่าจะสูงกว่าตลาดโดยรวมในปีนี้ ในขณะที่ยังซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้ปีนี้มีโอกาสสูงที่กลุ่ม Healthcare จะกลับมาทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีตลาดหุ้นโลก

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตสร้างกำไร ขายหุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น เบนเข็มลงทุน “หุ้น Asia ex Japan”

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

ในปี 2024 เศรษฐกิจโลกภาพรวมเติบโตดีกว่าคาด โดยภูมิภาคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดคือ ภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่จะเติบโตได้ดีในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว และยังเป็นปีแห่งโอกาส

อ่านต่อ >>

จับจังหวะทำกำไร กับขาขึ้นรอบใหม่ของตลาดหุ้น Asia

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

ตลาดหุ้นเอเชีย (Asia ex Japan) ถือเป็นตลาดหุ้นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงไม่แพ้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) โดยเฉพาะในฝั่งของภาคการผลิตที่บริษัทยักษ์ใหญ่จากภูมิภาคเอเชีย ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรมการผลิตของโลก

อ่านต่อ >>