Final Call ลงทุน Global Bond ก่อน Yield ลง

file

สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสส่งผลให้การลงทุนทั่วโลกผันผวน ตลาดหุ้นปรับตัวลง ในขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และนี่อาจเป็นโอกาสสำคัญในการเข้าลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ

ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องใกล้เคียงระดับ 5% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากความกังวลท่ามกลางภาวะสงคราม ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ใช้ประกอบการพิจารณานโยบายการเงินยังคงทรงตัว โดยล่าสุดอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) เดือน ก.ย. ออกมาทรงตัวที่ระดับ 3.7% เท่ากับเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ตลาด (CME FedWatch Tool) มองว่ามีโอกาสราว 93.9% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งหากธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาด นั่นหมายความว่ามีโอกาสสูงที่ดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันคืออัตราดอกเบี้ยระดับสูงสุด และเป็นการจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันที่สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังคงดำเนินอยู่ ยิ่งเป็นการเพิ่มข้อจำกัดต่อ Fed ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากสงครามมีโอกาสจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงมากกว่าเดิม และยิ่งผลกระทบจากสงครามมีมากขึ้น ก็ยิ่งเป็นปัจจัยที่ Fed จะต้องใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายเพื่อประคองไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวมากจนเกินไป จนอาจนำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในที่สุด โดยตลาดประเมินว่ามีโอกาสที่ Fed จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงหลังของปี 2024

จากข้อมูลของ TISCO ESU ย้อนหลังตั้งแต่ปี 1984 ซึ่งครอบคลุมการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 6 รอบ พบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงทุกรอบหลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งสุดท้ายของ Fed โดยช่วง 6 เดือน หลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย Bond Yield ลดลงราว 50-150 bps

ภาพ : Bond Yield ปรับลดลงทุุกรอบ หลัง Fed หยุุดขึ้นดอกเบี้ย

file

ที่มา : Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)

หาก Bond Yield ในรอบนี้ปรับลดลงดังเช่นสถิติที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าช่วงเวลานี้เป็นโอกาสสำคัญในการเข้าลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนทั้งจากอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วของตราสารหนี้ (Yield) ที่ราว 5% และจากส่วนต่างของราคา (Capital Gain) เมื่อราคาของพันธบัตรปรับตัวขึ้น

อาจไม่บ่อยครั้งนักที่การลงทุนในตราสารหนี้จะมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูดได้เท่ากับรอบนี้ แต่นี่นับเป็น Final Call ที่จะต้องเข้าลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดี มีความผันผวนน้อย แต่ให้ผลตอบแทนได้ในระดับสูง


หากท่านใดมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเอง สามารถส่งคำถามของท่านมาได้ที่ prtisco@tisco.co.th  I

บทความโดย ณัฐพร ธรวงศ์ธวัช AFPT™

Senior Wealth Manager ธนาคารทิสโก้

เผยแพร่ครั้งแรก เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

file

บทความล่าสุด

กิจกรรม M&A กำลังจะกลับมา กลุ่ม Biotechnology ได้ประโยชน์สูงสุด

โพสต์เมื่อ 7 พฤษภาคม 2567

นอกจากนวัตกรรมการค้นคว้ายาชนิดใหม่รวมถึงการนำเทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามาช่วยในการวิจัยยารักษาโรคหายาก กิจกรรมการควบรวมกิจการ หรือ M&A ก็นับเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญต่อราคาหุ้นของกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)

อ่านต่อ >>

FDA อนุมัติยาสูงสุดในรอบ 5 ปี โอกาสทองลงทุน Biotech

โพสต์เมื่อ 7 พฤษภาคม 2567

FDA สหรัฐฯ กลับมาอนุมัติยาสูงสุดในรอบ 5 ปี ( FDA คือ องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ) โดยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนยาที่ได้รับอนุมัติจาก FDA เพิ่มขึ้นถึง 100% โดยเฉพาะปี 2023 ที่ FDA มีการอนุมัติยาสูงสุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ 55 รายการ

อ่านต่อ >>

Biotech หุ้นนวัตกรรมยายุคใหม่ ที่ต้องมีไว้ในพอร์ต

โพสต์เมื่อ 7 พฤษภาคม 2567

หากนึกถึงหุ้นกลุ่ม Healthcare นักลงทุนส่วนใหญ่มักนึกถึงบริษัทยาขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงแต่มีการเติบโตที่ช้า ทำให้นักลงทุนมักเหมารวมหุ้นกลุ่ม Healthcare เป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่ไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงและเป็นเพียงแค่หลุมหลบภัยในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนเท่านั้น

อ่านต่อ >>