ซื้อกองทุน SSF-RMF ปลายปี ไม่ใช่แค่ประหยัดภาษี แต่ต้องให้รีเทิร์นสูง

file

ถ้าวันนี้ เราบอกว่า มีวิธีการเลือกกองทุน SSF-RMF แบบใหม่ ที่เพิ่มโอกาสสร้างรีเทิร์นสูงกว่าการเลือกกองทุน SSF-RMF แบบเดิม ซึ่งเน้นวิเคราะห์ผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุน และวิธีการใหม่นี้อาจทำให้ผลตอบแทนมีแนวโน้มสูงกว่า 10% ต่อปี … คุณสนใจไหม ?

  ในช่วงปลายปี กองทุน SSF หรือ Super Savings Fund และ RMF หรือ Retirement Mutual Fund กลับมาอยู่ในความสนใจของทุกคนอีกครั้ง เพราะเป็นเครื่องมือที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการลดหย่อนภาษี แต่ที่ผ่านมาผู้ลงทุนโดยมาก ก็มักจะเน้นเลือกซื้อโดยดูจากผลตอบแทนย้อนหลังในอดีตเป็นหลัก …  

อย่างไรก็ตาม หากยังคงใช้วิธีนี้ต่อไป ผู้ลงทุนอาจจะรู้สึกแฮปปี้ในระยะสั้นจากการได้ลดหย่อนภาษี แต่ในระยะยาวเมื่อถึงวัยเกษียณ หรือ ครบกำหนดระยะเวลาลงทุน กองทุน SSF และ RMF ที่เลือกไว้ก็อาจจะให้ผลตอบแทนไม่สูงตามที่คาดหวัง เพียงแค่ 4-7% ต่อปี1 โดยเฉพาะหากกองทุนนั้นๆ เน้นลงทุนในธุรกิจดั้งเดิม ซึ่งระยะยาวอาจถูกรบกวนด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น ถูก Disrupt ด้วยธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพเหนือกว่า ฯลฯ 

เพื่อแก้ปัญหานี้ ธนาคารทิสโก้จึงมองว่า ควรปรับวิธีเลือกกองทุน SSF และ RMF แบบใหม่ที่เน้นธุรกิจเมกะเทรนด์ (Megatrends) ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่า 10% 2 ต่อปี 

โดยกองทุน SSF และ RMF แบบ Megatrends ในธีมที่มีศักยภาพสำหรับการวางแผนเกษียณ ที่ธนาคารทิสโก้แนะนำ มีดังนี้

  • กองทุนประหยัดภาษี : ธีมเฮลธ์แคร์ และ เทคโนโลยี 

“ธุรกิจเฮลธ์แคร์ และ เทคโนโลยี เป็นธุรกิจที่อยู่ใน Megatrends มีแนวโน้มให้ผลตอบแทน Double Digit สามารถถือลงทุนได้ในระยะ 5 ปี 10  ปี” นั่นก็เป็นเพราะทั้ง 2 ธุรกิจนี้ มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ โดยธุรกิจเฮลธ์แคร์ มีบทบาทอย่างมากต่อ “สังคมสูงวัย” ที่เกิดขึ้นทั่วโลกจากการที่ประชากรโลกมีอายุยืนขึ้น อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้กำไรของธุรกิจเฮลธ์แคร์นี้มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่า10%3 ต่อปี ในระยะ 10 ปี

ส่วนธุรกิจด้านเทคโนโลยี ก็เป็นที่ต้องการของโลกทั้งในปัจจุบันต่อเนื่องจนถึงอนาคตเช่นกัน โดยประเทศที่มีบริษัทเทคโนโลยีโดดเด่น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีกลุ่ม “FAANG” ประกอบด้วย หุ้นของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก 5 แห่ง คือ Facebook (FB) Amazon (AMZN) Apple (AAPL) Netflix (NFLX) และ Alphabet (ชื่อเดิม Google) 

และประเทศจีน ที่กำลังมาแรงในด้านธุรกิจเทคโนโลยี เช่น รถยนต์ไฟฟ้า Biotech ซึ่งกำลังอยู่ในวัฏจักรที่กำลังเติบโตรวดเร็วมาก 

ไม่เพียงแค่นี้ การลงทุนในธุรกิจ Megatrends ได้พิสูจน์ให้เห็นมาอย่างต่อเนื่องว่าสามารถสร้างผลตอบแทนชนะดัชนีตลาดหุ้นโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ หากเปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลังในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา (2013-2022)  เห็นได้จากดัชนี MSCI World Information Technology Index ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นต่อปีที่ +17% ขณะที่ ดัชนี MSCI World Healthcare Index ตัวแทนหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ +12% เปรียบเทียบ ดัชนี MSCI All Country World Index ตัวแทนหุ้นทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเพียงแค่ +8.48%  

สรุปคือ ธีมเฮลธ์แคร์ และเทคโนโลยี โดดเด่นเรื่อง 1.เป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงในระยะยาวตาม Megatrends ของโลก 2. มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะ10 ปี สูงกว่า 10%  3.ผลตอบแทนในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา สามารถเอาชนะดัชนีหุ้นโลก

 

file
  • กองทุนประหยัดภาษี : ธีมธุรกิจเติบโตสูงทั่วโลก

“กองทุนประหยัดภาษี ที่เน้นลงทุนหุ้น Growth Stock จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงเหมาะกับการสร้างเงินก้อนเพื่อใช้ในวัยเกษียณ” โดยหุ้นเติบโตเร็ว หรือ Growth Stock ที่อยู่ในธีมนี้ มักจะเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตในระยะยาว อย่างเช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเฮลธ์แคร์ กลุ่มบริการสื่อสาร (Communication Service) กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) เช่น Tesla, Kering, NVIDIA, Moderna, Meituan  และ Pinduoduo

  โดยประเทศที่มีธุรกิจ Growth Stock คุณภาพสูง บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันระดับโลก ส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศสหรัฐฯ ยุโรป และจีน 

  สรุป คือ ธีมธุรกิจเติบโตสูง ในประเทศสหรัฐฯ ยุโรป และจีน มีความโดดเด่นอย่างมาก จึงเหมาะแก่การลงทุนเพื่อการเกษียณ ผ่านกองทุนประหยัดภาษี 

  • กองทุนประหยัดภาษี : ธีมเวียดนามประเทศดาวรุ่ง

“ถ้าให้เลือกประเทศที่เติบโตเร็วมาก ในอีกหลายปีข้างหน้า ก็เป็นอะไรที่ชัดเจนเลยว่า ต้องเป็นเวียดนาม” เพราะเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตโดยเฉลี่ยถึงระดับ 6% - 7% ค่าเงินมีความผันผวนน้อย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เนื่องจากทุนสำรองต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น หนี้ต่างประเทศต่ำและดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวกนับตั้งแต่ปี 20114

นอกจากนี้ การบริโภคในเวียดนาม ก็มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าจับตา โดยถูกขับเคลื่อนจากประชากรวัยทำงานที่มากถึง 49 ล้านคน และจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ เช่น ค้าปลีก สื่อสาร ธนาคาร มีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว

และที่สำคัญในด้านความถูกแพงของราคาหุ้น ก็ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงกว่า 40% จากความกังวลชั่วคราวในภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่การปรับตัวลงดังกล่าว สวนทางกับอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ที่เติบโตได้ในระดับสูง โดยข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่า ในปี 2022 – 2023 EPS Growth ของตลาดหุ้นเวียดนามจะอยู่ที่ระดับ 13.2% ซึ่งสูงเป็นลำดับต้นๆ ของอาเซียน5  

แม้ในปีนี้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นเวียดนามจะแพ้ตลาดหุ้นไทย แต่หากมองในระยะยาวอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี (2013-2023) ของตลาดหุ้นเวียดนามก็อยู่ในระดับสูง เฉลี่ยที่ 12.7% ต่อปี ชนะผลตอบแทนดัชนีตลาดหุ้นไทย ที่อยู่ในระดับเพียงแค่ 4.9% ต่อปี   

file

======================


Source: Bloomberg (As of 30 Nov 2022)

สรุปคือ ประเทศเวียดนาม มีความโดดเด่นทั้งในด้าน 1.การเติบโตของเศรษฐกิจที่สูง 2.ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลดลงมามากจนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงจุดต่ำสุดในรอบ 10 ปี ถือเป็นจังหวะที่ดีของการเข้าลงทุนระยะยาว    

.... หากคุณสนใจกองทุนรวม SSF-RMF ที่มีนโยบายการลงทุนในแบบที่เราแนะนำ สามารถคลิกลิงก์ด้านล่าง เพื่อติดตามรายละเอียดกองทุนรวมที่เราคัดสรร หรือสามารถกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

=================================

ที่มา 

1. ผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี 4 energy และ 7 finance สืบค้นจาก Bloomberg ณ 31 November 2022 

2. -3.“กำไรของกลุ่ม Healthcare ยังโตได้แม้ในช่วงวิกฤติ และมีอัตราการเติบโตในระยะยาวที่สูงถึง 10% ต่อปี”: Bloomberg, TISCO Economic Strategy Unit (ESU) : TIPS August 2022

4. บลจ.ทิสโก้เปิดกอง “ทิสโก้ เวียดนาม อิควิตี้”ชี้ราคาหุ้นเทรดต่ำสุดในรอบ 7 ปี จังหวะเหมาะลงทุนรับปัจจัยบวกเพียบ : Press release, 17 May 2022

5. Bloomberg

 

 

บทความโดย ทีมที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ 

บทความล่าสุด

Biotech หุ้นนวัตกรรมยายุคใหม่ ที่ต้องมีไว้ในพอร์ต

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

หากนึกถึงหุ้นกลุ่ม Healthcare นักลงทุนส่วนใหญ่มักนึกถึงบริษัทยาขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงแต่มีการเติบโตที่ช้า ทำให้นักลงทุนมักเหมารวมหุ้นกลุ่ม Healthcare เป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่ไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงและเป็นเพียงแค่หลุมหลบภัยในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนเท่านั้น

อ่านต่อ >>

หุ้นกลุ่ม Healthcare ทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีหุ้นโลก

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่ม Healthcare กลับมาสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น จากแนวโน้มการเติบโตที่คาดว่าจะสูงกว่าตลาดโดยรวมในปีนี้ ในขณะที่ยังซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้ปีนี้มีโอกาสสูงที่กลุ่ม Healthcare จะกลับมาทวงคืนตำแหน่ง Top Performer บนเวทีตลาดหุ้นโลก

อ่านต่อ >>

ปรับพอร์ตสร้างกำไร ขายหุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น เบนเข็มลงทุน “หุ้น Asia ex Japan”

โพสต์เมื่อ 26 เมษายน 2567

ในปี 2024 เศรษฐกิจโลกภาพรวมเติบโตดีกว่าคาด โดยภูมิภาคที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดคือ ภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่จะเติบโตได้ดีในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว และยังเป็นปีแห่งโอกาส

อ่านต่อ >>