ยาตัวใหม่รักษาโรคฮิตหลังเกษียณ

file

โรคมะเร็งสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก ยังคงท้าทายวงการแพทย์มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยไปจนถึงวิธีการรักษา แม้ในปัจจุบันจะมีวิธีการรักษาที่หลากหลายขึ้นจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่า ในปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา มีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคมะเร็งถึง 20 ล้านคนทั่วโลกและยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในแง่อัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งกลับมีแนวโน้มลดลง โดยศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC) รายงานว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา (ปี 2001 - 2020) อัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในสหรัฐฯ ปรับตัวลงถึง 27% ทั้งนี้เป็นผลจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในวงการแพทย์เพื่อให้สามารถตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ รวมถึงสามารถรักษาโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ล่าสุด Nubeqa ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) จากบริษัท Bayer ได้รับอนุมัติจากองค์กรอาหารและยา (FDA) ให้สามารถใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแพร่กระจายได้ โดยผลข้างเคียงจากการใช้ยา Nubeqa พบว่า มีเพียง อาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยแขนขา และผื่นผิวหนัง ในขณะที่ยา Xtandi จากบริษัท Phizer ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากระยะแพร่กระจายในปัจจุบัน จะมีผลข้างเคียงที่เยอะกว่า เช่น อาการชัก ปวดหลัง ท้องร่วง ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ความดันโลหิตสูง รวมไปถึงการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน ปัสสาวะเป็นเลือด และเลือดกำเดาไหล การอนุมัติการใช้ยา Nubeqa สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากระยะแพร่กระจาย จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตาม ยา Nubeqa มีราคาค่อนข้างสูง โดยยา Nubeqa (300 มก.) สำหรับ 1 เดือน (120 เม็ด) มีราคา 12,912 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 459,409 บาท ในขณะที่ราคายา Xtandi (40 มิลลิกรัม) สำหรับ 1 เดือน (120 เม็ด) ก็มีราคาสูงเช่นกันที่ 13,698 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 487,786 บาท ทั้งนี้ โรคมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคมะเร็งที่ถูกพบเป็นอันดับ 2 ของมะเร็งในเพศชายทั่วโลก โดยผู้ชาย 1 ใน 8 คน มีโอกาสถูกวินิจฉัยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และมักพบในผู้ชายที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

โรคมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ในช่วงชีวิตหลังเกษียณที่อายุมากขึ้น ย่อมมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยมากขึ้นเช่นกัน และบางครั้งอาจเจ็บป่วยหลายโรคได้ในเวลาเดียวกัน หากไม่วางแผนการเงินให้ดีจะทำให้มีข้อจำกัดในการเข้ารับการรักษาได้ การวางแผนการเงินเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตช่วงหลังเกษียณได้อย่างสบายใจอย่างหนึ่ง คือการทำ Wealth Protection โดยการทำประกันสุขภาพ ซึ่งแนะนำให้เลือกทำประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงที่คุ้มครองได้นานพอ โดยในปัจจุบันมีประกันสุขภาพที่มีระยะเวลาคุ้มครองสูงถึงอายุ 99 ปี พร้อมกับแผนประกันที่มีวงเงินคุ้มครองสูงพอที่จะให้เราสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์รวมถึงยาตัวใหม่ ๆ เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพที่สุด

 

====================================================

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่คอลัมน์ Health is wealth ใน กรุงเทพธุรกิจ

 

บทความล่าสุด

กิจกรรม M&A กำลังจะกลับมา กลุ่ม Biotechnology ได้ประโยชน์สูงสุด

โพสต์เมื่อ 5 พฤษภาคม 2567

นอกจากนวัตกรรมการค้นคว้ายาชนิดใหม่รวมถึงการนำเทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามาช่วยในการวิจัยยารักษาโรคหายาก กิจกรรมการควบรวมกิจการ หรือ M&A ก็นับเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญต่อราคาหุ้นของกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)

อ่านต่อ >>

FDA อนุมัติยาสูงสุดในรอบ 5 ปี โอกาสทองลงทุน Biotech

โพสต์เมื่อ 5 พฤษภาคม 2567

FDA สหรัฐฯ กลับมาอนุมัติยาสูงสุดในรอบ 5 ปี ( FDA คือ องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ) โดยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนยาที่ได้รับอนุมัติจาก FDA เพิ่มขึ้นถึง 100% โดยเฉพาะปี 2023 ที่ FDA มีการอนุมัติยาสูงสุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ 55 รายการ

อ่านต่อ >>

Biotech หุ้นนวัตกรรมยายุคใหม่ ที่ต้องมีไว้ในพอร์ต

โพสต์เมื่อ 5 พฤษภาคม 2567

หากนึกถึงหุ้นกลุ่ม Healthcare นักลงทุนส่วนใหญ่มักนึกถึงบริษัทยาขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงแต่มีการเติบโตที่ช้า ทำให้นักลงทุนมักเหมารวมหุ้นกลุ่ม Healthcare เป็นหุ้นกลุ่ม Defensive ที่ไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงและเป็นเพียงแค่หลุมหลบภัยในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนเท่านั้น

อ่านต่อ >>