file

Summer in Malta & Cyprus

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 52 | คอลัมน์ Horizon

เมดิเตอร์เรเนียนเป็นทะเลที่บรรจุเกาะสวยๆ ของโลกนี้เอาไว้ราว 160 เกาะ ในบรรดาร้อยกว่าเกาะที่วางตัวกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปนั้น ถ้านับกันเป็นรายประเทศที่อยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนก็มีอยู่ 21 ประเทศ เราอาจพาไปทำความรู้จักกับประเทศทั้งหมดนี้ไม่ไหว แต่ซัมเมอร์ในยุโรปแบบนี้จะมีอยู่ 2 ประเทศที่เป็นเกาะเจ้าเสน่ห์กลางเมดิเตอร์เรเนียน ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง นั่นคือ ประเทศมอลตา (Malta) และประเทศไซปรัส (Cyprus) ถ้าพร้อมแล้ว ตาม TRUST ฉบับนี้มา เพราะเราจะพาไปสัมผัสกับ 2 เกาะนี้ที่เห็นแล้วอาจเผลอเก็บกระเป๋าบินไปหาในซัมเมอร์นี้กันเลย

file

Malta สัมผัสกลิ่นอายทะเลพร้อมชมเมืองแห่งวัฒนธรรม

ต้องเป็นพวกเที่ยวยุโรปมาอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ถึงจะเริ่มต้นก่อร่างสร้างแผนไปสำรวจมอลตา นี่คือประเทศที่เป็นหมู่เกาะตั้งอยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใกล้ทวีปแอฟริกา โดยมีแค่ 3 เกาะเล็กๆ ได้แก่ เกาะมอลตา (Malta Island) เกาะโกโซ (Gozo Island) และเกาะโคมิโน (Comino Island) แม้จะรวมพื้นทื่ทั้ง 3 เกาะเข้าด้วยกันก็ยังถือว่ามอลตาเป็นประเทศขนาดเล็กอันดับที่ 5 ของยุโรปอยู่ดี นอกจากองค์การยูเนสโกจะยกให้ วาเลตตา (Valletta) เมืองหลวงของประเทศมอลตา เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1980 แล้ว ยังได้รับการโหวตให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมในยุโรปตั้งแต่ปี 2018 อีกด้วย จึงยิ่งทำให้มอลตาเป็นจุดหมายที่ใครๆ ก็อยากไป

นี่คือเมืองที่มีอากาศดีๆ รอคอยต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วมุมโลก มีทั้งแสงแดดและสายลมที่คอยโอบกอดคนรักทะเล ยิ่งเป็นซัมเมอร์แบบนี้ด้วยแล้ว มอลตายิ่งเนื้อหอมมากเป็นพิเศษ เพราะใครๆ ก็อยากไปผึ่งแดดหอมๆ ของมอลตา และนอนให้ลมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนปัดเป่าด้วยกันทั้งนั้น แต่จะมีที่ไหนบ้างที่เมื่อมาถึงเมืองวาเลตตาแล้วต้องไป


file

Republic Square

คงไม่มีมุมไหนของวาเลตตาที่เหมาะจะรับขวัญนักเดินทางได้ดีเท่า จัตุรัสรีพับบลิค (Republic Square) รอบๆ จัตุรัสแห่งนี้ห้อมล้อมไว้ด้วยอาคารสำคัญๆ ของเมือง ทั้งทำเนียบประธานาธิบดี ทำเนียบรัฐบาล ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ แน่นอนว่าช่วงซัมเมอร์จัตุรัสแห่งนี้จะเนืองแน่นไปด้วยชาวเกาะและนักเดินทางที่มานั่งหย่อนน่องกันในมุมนี้ บรรดาพ่อแม่จะหอบลูกจูงหลานมาเล่นน้ำตรงลานน้ำพุกลางจัตุรัสกันอย่างสนุกสนาน บางคนแค่มานั่งผึ่งแดด บางคู่ใช้ที่นี่เป็นจุดนัดพบ และมุมพลอดรักของหนุ่มสาวชาววาเลตตา

และใครที่มาถึงวาเลตตาแล้วยังอยากจะชอปปิงล่ะก็ ลองมองหาถนนรีพับบลิค ถนนสายชอปปิงที่เชื่อมกับจัตุรัส ซึ่งมีร้านรวงให้ได้ชอปปิงกันตลอดทาง


St. John’s Co Cathedral

ที่วาเลตตานั้นมีโบสถ์มากกว่า 20 แห่ง แต่โบสถ์ที่ถือว่าสำคัญและงดงามที่สุด คือ วิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Co Cathedral) วิหารสูงใหญ่ที่สร้างจากช่วงปลายศตวรรษที่ 16 ด้านนอกอาจจะเห็นเพียงแค่รูปร่างอันใหญ่โต แต่ด้านในนั้นทำให้นักท่องเที่ยวพากันทึ่งและตะลึงในความสวยงามกันมาแล้ว ที่นี่เป็นวิหารซึ่งนักท่องเที่ยวยกให้เป็นหนึ่งในวิหารที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ใครเคยตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของดูโอโมแห่งมิลาน เซนต์ไอแซคที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หรือมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งวาติกัน พอเห็นด้านในของวิหารแห่งนี้แล้วคุณจะพบว่า คำยกยอของบรรดานักท่องเที่ยวนั้นไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเพดาน ผนัง ประตู ไปจนถึงพื้นที่ยืนอยู่ งดงามไปทุกรายละเอียด โดยเฉพาะพื้นของวิหารอันเป็นที่เลื่องลือกันว่างดงามที่สุดในโลก หากได้มาที่นี่แล้วจะเห็นนักท่องเที่ยวพากันก้มหน้าดูพื้นของวิหารกันอย่างเพลิดเพลิน

file

ทุกวันนี้วิหารแห่งนี้เป็นทั้งศาสนสถานและพิพิธภัณฑ์ รอบๆ โบสถ์มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายดอกไม้ และแวดล้อมไปด้วยถนนสายชอปปิ้ง


Barracca Garden

มุมหนึ่งของวาเลตตาที่ทำให้ผู้มาเยือนทุกคนได้สัมผัสถึงความรื่นรมณ์ของเมืองนี้คือสวนบารัคคา (Barracca Garden) ที่นี่มีทั้งโซนที่เรียกว่าอัปเปอร์ บารัคคา และโลวเวอร์ ก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของอ่าวแกรนด์ฮาร์เบอร์ของวาเลตตาได้อย่างงดงาม

file

หากใครมีเวลาให้กับวาเลตตาอย่างเหลือเฟือลองนั่งเล่นที่นี่ซักพัก เพราะในอดีตสวนสวยแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ส่วนบุคคล แต่ตอนนี้เปิดให้สาธารณะชนเข้าไปชมและนั่งพักผ่อนได้สบายๆ

file

Fort St. Elmo

เดินไปเรื่อยๆ จากสวนบารัคคาก็จะเจอสถานที่อีกแห่งหนึ่งของวาเลตตานั่นคือ ป้อมเซนต์เอลโม (Fort St. Elmo) ตั้งอยู่สุดเกาะจากย่านใจกลางเมืองวาเลตตาต้องเดินขึ้นๆ ลงๆ ไปบนถนนสูงชันตลอดทาง ระหว่างทางมีแต่ภาพน่าดูของชาวเมืองและอิริยาบถที่น่ามองทั้งสิ้น ใครเหนื่อยก็มีคาเฟ่ให้แวะนั่งพักน่องกันไปตลอดทาง

ป้อมเซนต์เอลโมที่เหลือในวันนี้อาจจะไม่สมบูรณ์นัก เพราะเป็นเพียงป้อมปราการว่างโล่งอยู่ริมทะเล อาจเป็นเพราะทั้งเมืองเสียหายไปเยอะจากช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและในอดีต มักถูกแย่งชิงเพื่อครอบครองจากกำแพงเมืองล้อมรอบเกาะไว้เพื่อป้องกันข้าศึก แต่หลังจากผ่านการบูรณะปรับปรุง จึงทำให้วาเลตตากลับมางดงามอีก จนองค์การยูเนสโกยกให้เป็นเมืองมรดกโลกเมื่อปี 1980 ทุกวันนี้กำแพงเมืองนี้ได้หลงเหลือไว้ให้เป็นจุดชมทัศนียภาพอันสวยงาม จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่คนมาวาเลตตาต้องพากันมาเช็คอิน

file

และหากใครอยากสัมผัสทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในมอลตา หรืออยากออกไปชมเกาะต่างๆ ของมอลตา เขาก็มีเรือให้บริการพาไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ นอกจากนี้ยังมีพวกหมู่บ้านชาวประมงของมอลตาที่น่าไปชมวิถีชีวิตของพวกเขา รวมถึงชายหาดที่มีไว้ให้ทุกคนไปดื่มด่ำกับซัมเมอร์บนเกาะแห่งนี้


Cyprus งดงามกลางเมดิเตอร์เรเนียน

ยังมีอีกประเทศหนึ่งในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่พูดเลยว่างดงามอยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีแสงแดดที่อบอุ่นตลอดทั้งปีและถือว่าเป็นเกาะใหญ่อันดับ 3 ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รองจากซิซิลีและซาร์ดิเนีย แต่ที่ทำให้ไซปรัสมีความไม่ธรรมดา คือเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 10,000 ปี เรียกว่าผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรืองและถดถอยมานับครั้งไม่ถ้วน เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ เช่น เปอร์เซีย อัสซีเรีย อียิปต์ และโรมัน ข้อสำคัญเป็นจุดที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเดินทางมาวางแผนก่อนที่จะพิชิตโลกตะวันออก

file

ทุกวันนั้นทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของไซปรัส ทำให้มีนักเดินทางมาที่นี่ปีละ 2-3 ล้านคน มาดูกันว่าถ้าจะไปเที่ยวไซปรัสมีที่ไหนบ้างที่น่าไป


Nicosia

เมื่อมาถึงไซปรัสทั้งที มุมที่น่าไปทำความรู้จักที่สุดคือ นิโคเซีย เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของไซปรัส เพราะถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม พื้นที่โดยรอบของเมืองจึงเต็มไปด้วยพระราชวังคฤหาสน์ วิหาร และโบสถ์ พูดได้เลยว่านิโคเซียเป็นเมืองหลวงแห่งเดียวในโลกที่เป็นเมืองหลวงของ 2 ประเทศ เพราะทุกวันนี้ “ไซปรัส” เป็นประเทศที่แบ่งเป็นฝั่งเหนือกับใต้ โดยฝั่งใต้จะไม่เรียกว่า ‘ไซปรัสใต้’ แต่ใช้ชื่อแค่ไซปรัสเท่านั้น ส่วนฝั่งเหนือจะเรียกว่า ‘ไซปรัสเหนือ’ ซึ่งถูกปกครองโดยตุรกี

โดยการจะข้ามฝั่งจากเหนือไปใต้หรือใต้ไปเหนือต้องผ่านด่านตม. เหมือนการข้ามประเทศทั่วไป คนไทยเข้าฝั่งเหนือได้เลย เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของตุรกี ส่วนฝั่งใต้ต้องใช้วีซ่าไซปรัส หรือเชงเก้นแบบมัลติเพิล แต่บอกเลยว่าทั้ง 2 ฝั่งนั้นน่าเที่ยวทั้งสิ้น

file

ถ้าได้เดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยของนิโคเซียฝั่งใต้ ก็จะพบว่ามีกลิ่นอายและบรรยากาศความเป็นกรีกค่อนข้างชัดเจน ทั้งคาเฟ่ ร้านรวง และบ้านช่องห้องหับของผู้คนราวกับเดินอยู่ในเกาะใดเกาะหนึ่งของกรีซอย่างไรอย่างนั้น ส่วนนิโคเซียฝั่งเหนือก็มีความเป็นตุรกีมาก เพราะมีทั้งสุเหร่า โรงอาบน้ำสาธารณะ และตลาดใต้ร่มที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเก่า และได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี


Larnaca

อีกเมืองหนึ่งของไซปรัสที่เป็นเมืองยอดนิยมของนักเดินทางคือ ลาร์นาคา อยู่ห่างจากนิโคเซียไปราวๆ 40 กิโลเมตร นี่คือเมืองที่ถ้ามีการจัดอันดับสุดยอดเมืองเก่าแก่ของโลกเมื่อไหร่ ลาร์นาคาจะติดทำเนียบทุกครั้งเพราะเป็นเมืองที่เริ่มมีการตั้งรกรากเมื่อราว 1,400 ปี ก่อนคริสตกาล ก่อตั้งโดยชาวฟีนิเชียน แต่ทุกวันนี้เมืองที่อายุกว่า 3,000 ปีแห่งนี้เป็นเมืองท่าที่สำคัญและเป็นเมืองรีสอร์ทริมทะเลที่ขึ้นชื่อ โดยมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นแนวต้นปาล์มที่สวยงามริมชายหาด ที่แม้ว่าผืนทรายอาจจะไม่สวยงามเหมือนบ้านเรา แต่ความที่มีแดดอุ่นอ่อนเกือบตลอดทั้งปี ทำให้ลาร์นาคาเป็นเมืองที่นักเดินทางทุกคนมุ่งหน้าไปหา

ในตัวเมืองเก่ามีทั้งโบสถ์เก่าแก่อย่างวิหารเซนต์ปอล และ โบสถ์เซนต์ลาซารุส ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าถึงอดีตของเมือง พิพิธภัณฑ์ศิลปะ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ หอสมุด ป้อมปราการ สวนสาธารณะ อุทยานประติมากรรม และทะเลสาบน้ำเค็ม ส่วนใครที่ชื่นชอบการชอปปิง ลาร์นาคาจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

file

Paphos

และอีกเมืองหนึ่งที่ทำให้ไซปรัสหัวบันไดไม่เคยแห้งคือ พาฟอส นั่นเอง นี่คือเมืองที่มีแสงแดดห่มเมืองอยู่ตลอดทั้งปี มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง และยังเชื่อกันว่าพาฟอส เป็นจุดกำเนิดของเทพีอะโฟรไดท์ หรือเทพีแห่งความรักและความงามนั่นเอง มีสถานที่หลายแห่งในพาฟอสที่ไม่ควรพลาดทั้งปราสาทพาฟอส ที่เป็นปราสาทเก่าแก่สร้างขึ้นในยุคไบแซนไทน์เพื่อป้องกันท่าเรือ ในอดีตป้อมปราการถูกใช้เป็นคลังสินค้าจำพวกเกลือและบางโอกาสใช้เป็นคุกเพื่อขังคนทำผิด

ยังมีแหล่งโบราณคดีพาฟอสที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังและภาพโมเสค รวมถึงสุสานของกษัตริย์ ซึ่งเป็นสุสานใต้ดินที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 ที่แม้จะเก่าแก่มาก แต่ยังมีเสาและโถง รวมถึงมีการแกะสลักหินเพื่อตกแต่งเสา แต่ที่จริงแค่เดินเล่นในตัวเมืองพาฟอส หรือเอ้อระเหยบนชายหาด ก็อาจจะเผลอหลงรักเมืองพาฟอสแล้ว

file

ใครที่มองหาจุดหมายปลายทางที่มีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างประวัติศาสตร์และธรรมชาติ โปรดมุ่งหน้าไปหาไซปรัส นี่คือที่ที่คุณกำลังตามหาอยู่ ทั้งมอลตาและไซปรัสจะเป็น 2 ประเทศในยุโรปที่ทำให้ซัมเมอร์นี้ของคุณหอมหวานกว่าซัมเมอร์ไหนๆ แน่นอน


TRAVEL’S Guide

  • ทั้งมอลตาและไซปรัสถือเป็นประเทศในยุโรป หากใครที่มีวีซ่าเชงเก้นที่ยังไม่หมดอายุ สามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้เลย แต่ถ้าจะยื่นขอวีซ่าที่มอลตา ต้องศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าประเทศออสเตรีย อยู่ที่จามจุรี สแควร์ ชั้นที่ 4 สอบถามข้อมูลได้ที่ 0 2118 7008 หรือส่งอีเมลมาที่ info.austh@vfshelpline.com ส่วนวีซ่าไซปรัสสอบถามได้ที่สถานกงสุลไซปรัส ชั้น 17, อาคารริชมอนด์ โทรศัพท์ 0 2261 8408 – 10
  • ช่วงซัมเมอร์ทั้ง 2 ประเทศนี้ถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นไฮซีซั่น ดังนั้นถ้าใครจะไปควรวางแผนจับจองที่พักไปก่อน แต่ก็เป็นช่วงที่อากาศร้อนพอสมควร คลิกไปตรวจสอบสภาพอากาศได้ที่ www.weather.com