“อาศรมศิลป์” ออกแบบอย่างเข้าใจ ที่พักใกล้ชิดธรรมชาติเพื่อผู้สูงวัย “รามาฯ-ธนารักษ์”

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 62 | คอลัมน์ Living Art

file

จากนโยบายของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ต้องการจะสร้างที่พักอาศัยต้นแบบสำหรับกลุ่มวัยเกษียณ ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มผู้สูงอายุที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนที่ดินราชพัสดุใน ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ให้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ โดยมีทีมของ “อาศรมศิลป์” เป็นผู้ดูแลการออกแบบสถาปัตยกรรรมทั้งภายนอกและภายใน ตลอดจนภูมิสถาปัตย์ ด้วยหลัก Universal Design จนสร้างสรรค์เป็น “รามาฯ-ธนารักษ์” โครงการ Senior Complex ที่ตอบรับการใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตัวเองและการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุแบบครบวงจร ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีและเพียบพร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอย บนพื้นที่กว่า 20 ไร่

วันนี้จึงจะพาไปสนทนากับสองสถาปนิกจากบริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ จำกัด คุณสมพร พุฒิพัฒนา สถาปนิกโครงการ (Senior Project Architect) และคุณชัชนิล ซัง ภูมิสถาปนิกโครงการ (Landscape Design Director) ถึงเบื้องหลังการออกแบบงานสถาปัตยกรรมในครั้งนี้ 

file

“โจทย์ของโครงการ “รามาฯ-ธนารักษ์” คือการเป็นพื้นที่สุขภาวะของผู้สูงอายุ จึงเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสถาปนิกและภูมิสถาปนิก (ผู้เชี่ยวชาญในการเชื่อมระหว่างสถาปัตยกรรมและธรรมชาติเข้าด้วยกัน) ของทีมอาศรมศิลป์ ซึ่งพวกเราเริ่มต้นจากการวางผังอาคารและพื้นที่ภายนอกของโครงการฯ โดยมองว่าสัดส่วนของพื้นที่ภายนอกที่จะส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจ จะต้องมีประมาณ 70% ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยได้อย่างครอบคลุม เช่น ห้องสมุด ฟิตเนส ห้องประกอบศาสนกิจ ห้องอเนกประสงค์ที่ใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ ร้องเพลง เย็บปักถักร้อย เต้นรำลีลาศ ฯลฯ และพื้นที่สีเขียวให้เยอะที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และให้พื้นที่ส่วนนี้ได้ทำหน้าที่เยียวยาจิตใจในวันที่รู้สึกเหนื่อยล้า” คุณชัชนิลเล่า

คุณสมพรเล่าเสริมว่า คอนเซปต์สำคัญคือ อยากให้ที่นี่เป็นเสมือนบ้านที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ การออกแบบอาคารจึงต้องให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ไม่อึดอัด ทั้งยังต้องสอดแทรกด้วยพื้นที่สีเขียวและพื้นที่กิจกรรม ซึ่งอาคารทั้งหมดถูกออกแบบในสไตล์ร่วมสมัย (Contemporary) ที่อยู่ท่ามกลาง Green Space โดยแต่ละอาคารจะมีความสูงของชั้นที่เล่นระดับลดหลั่นกัน ตั้งแต่ 5 ชั้น ไปจนถึง 7 ชั้น ราวกับเป็นขั้นบันไดตรงปลายอาคาร เพื่อให้แต่ละชั้นได้มีสวนเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง และส่งเสริมให้เกิดมิตรภาพในกลุ่มย่อย ๆ รวมถึงภูมิทัศน์ที่ดูโล่งขึ้น เพราะหากเป็นอาคารที่มีระดับเท่ากันทุกอาคารและมีลักษณะของกำแพงที่สูงจะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด

“ตัวอาคารเลือกใช้สีขาวและสีอ่อน ๆ เพื่อให้ความรู้สึกสบายตา ภายนอกออกแบบให้ดูร่วมสมัย เน้นเส้นสายที่ดูเรียบง่าย พร้อมเพิ่มความโมเดิร์นและความมีชีวิตชีวาด้วยกระจกบานใหญ่ที่มีสีสันตรงแนวระเบียงของห้องพักอย่างสีฟ้า สีเขียว ด้านงานตกแต่งภายใน เน้นโทนสีอบอุ่นและเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์น สำหรับพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Community House นั้น เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่ภายนอกออกแบบโดยเน้นเส้นสายในแนวนอนเสริมแนวระแนงไม้ให้กลมกลืนกับบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติ โดยวัสดุของระแนงไม้นี้ทำจากอะลูมิเนียมที่ถูกพัฒนาให้มีรูปลักษณ์เสมือนไม้ แต่มีความคงทนและระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานขึ้น” 

เพราะอาศรมศิลป์เชื่อในเรื่องของการบำบัดด้วยธรรมชาติ จึงเป็นที่มาของการมีพื้นที่สีเขียวที่รายล้อมอยู่ทั่วทั้งโครงการ โดยไม่เพียงตั้งใจที่จะสร้างสมดุลระหว่างคนกับธรรมชาติ แต่ยังเชื่อว่าธรรมชาติจะเป็นตัวเชื่อมให้เหล่าผู้สูงอายุได้มาทำกิจกรรมร่วมกันภายใต้บรรยากาศที่ดี ซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือมิตรภาพบำบัด โดยการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้ชีวิตคนเรายืนยาวได้มากขึ้น

คุณชัชนิลขยายภาพงานออกแบบภูมิสถาปัตย์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ “รามาฯ-ธนารักษ์” ว่าถูกออกแบบโดยเน้นความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ซึ่งแบ่งเป็น 6 โซน ภายใต้สัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ รูป (Sight) ในโซน Green Tunnel ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติสีเขียวตลอดทั้งปี กับโซน Seasonal Garden ที่เต็มไปด้วยสีสันของต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด ซึ่งเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เสียง (Sound) ในโซน Windy Garden โซนบึงน้ำที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ใบไม้ ที่ลู่ลมพลิ้วไหว ให้ความเย็นสบายและความสงบ กลิ่น (Smell) ในโซน Aromatic Garden โซนต้นไม้นานาชนิดที่มอบกลิ่นหอม ช่วยให้ผ่อนคลาย รส (Taste) ในโซน Edible Garden โซนต้นไม้หลากชนิดที่สามารถทานได้ และสัมผัส (Touch) ในโซน Variety Garden โซนพรรณไม้นานาพันธุ์ที่ให้ผิวสัมผัสและรูปร่างต่างกัน เพื่อช่วยเรื่องของการรับรู้และสัมผัสที่ผ่อนคลาย

file
file

“หนึ่งในความท้าทายของการสร้างพื้นที่สีเขียวแห่งนี้ ก็คือ สภาพภูมิศาสตร์ของโครงการฯ ที่อยู่ใกล้กับทะเลของเมืองสมุทรปราการ ซึ่งนอกจากจะต้องคำนึงถึงการเลือกพืชพรรณที่ไม่เป็นพิษต่อผู้สูงอายุ ทั้งเรื่องของกลิ่นและพิษจากยางไม้ต่าง ๆ แล้ว ยังต้องเลือกพืชพรรณที่เหมาะสมกับภูมิศาสตร์ คือทนกับน้ำกร่อยและน้ำเค็มได้ เพื่อให้พืชพรรณเหล่านี้สามารถเติบโตได้ตามธรรมชาติอย่างยั่งยืน เช่น จามจุรี มะฮอกกานี สะเดา หางนกยูงฝรั่ง ชงโค นนทรี ตีนเป็ดน้ำ ลีลาวดี ฯลฯ” 

และด้วยเป็นคอนโดมิเนียมที่สร้างขึ้นเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ เบื้องหลังงานด้านสถาปัตยกรรมทั้งหมด จึงใช้หลัก Universal Design เข้ามาช่วย คือ ทุกคนที่พักอาศัยที่นี่จะสามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ ดังนั้น การออกแบบนอกจากความสวยงามแล้ว ยังต้องตอบโจทย์ในเรื่องของประโยชน์ใช้สอยด้วย 

“ส่วนต่าง ๆ ของโครงการฯ จะต้องมีความยืดหยุ่น ใช้งานง่าย สะดวก และไม่ต้องใช้แรงมาก โดยคำนึงถึงความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง เช่น พื้นต้องใช้วัสดุที่ไม่ลื่น ลวดลายไม่เยอะ การเปลี่ยนผ่านระดับเส้นทางจะต้องไม่เป็นพื้นที่สีเดียวกัน เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนและลดการเกิดอุบัติเหตุ ทางลาดจะต้องมีราวจับเพื่อใช้พยุงตัว และทุก ๆ ระยะ 50 – 100 เมตร ต้องมีที่นั่งพักระหว่างทาง อีกทั้งทางเดินทั้งโครงการฯ ต้องกว้าง เพื่อสามารถรองรับผู้ใช้รถเข็น รวมถึงการเข้าถึงของรถพยาบาลหรือรถฉุกเฉิน ตลอดจนลิฟต์โดยสารที่มีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีสระว่ายน้ำที่ออกแบบพิเศษ คือมีทางลาดสำหรับลงสระ สำหรับภายในห้องพักยังมีปุ่มกดสัญญาณฉุกเฉิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้ทันเวลา เรื่องเหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบให้กลมกลืนไปกับการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ใช่แค่พื้นที่ภายนอกอาคาร แต่ในอาคารก็จะมีพื้นที่แบบนี้ด้วยเช่นกัน” คุณสมพรกล่าว

แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับปรัชญาการทำงานของอาศรมศิลป์ ที่เชื่อว่าสถาปัตยกรรมจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม การออกแบบจึงต้องคิดถึงภาพรวมของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน รวมถึงการออกแบบพื้นที่ต่าง ๆ ควรต้องอยู่กับธรรมชาติ เพื่อทำให้เกิดความสมดุลซึ่งกันและกัน 

บริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่เข้ามาช่วยเติมเต็ม “รามาฯ-ธนารักษ์” ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยการดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุแบบองค์รวมในรูปแบบ Wellness Living อาทิ ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาสุขภาวะผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Hospice Zone) ที่อยู่ห่างจากโครงการฯ เพียง 800 เมตร พื้นที่สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการพักฟื้นหรือฟื้นฟูสุขภาพ (Nursing Home Zone) และยังมีบริการดูแลผู้ป่วยแต่ละโรคโดยเฉพาะ เช่น โรคสมองเสื่อม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย รวมทั้งมีกิจกรรมและพื้นที่ให้ผู้สูงอายุได้พัฒนาตนเอง เป็นต้น โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ