ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์ เจ้าของ KIKI Beauty Space ธุรกิจความงามครบวงจร ที่มัดใจลูกค้าด้วยกลยุทธ์แตกต่าง

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 65 | คอลัมน์ New Generation

หลายคนกล่าวว่าเรื่องความสวยความงามเป็นเหมือนปัจจัยที่ 5 ของชีวิต เนื่องจากภาพลักษณ์ที่ดูดีเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมความมั่นใจ ประกอบกับเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ทำให้คุณก้อง-ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์ ลาออกจากองค์กรการเงินระดับประเทศ มาเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง โดยเนรมิตพื้นที่ย่านสยามสแควร์ให้กลายเป็น “กีกี้ บิวตี้ สเปซ” (KIKI Beauty Space) ลักชัวรีซาลอนชื่อดัง การันตีด้วยรางวัล World's Best Luxury Beauty Salon 2022 จากดูไบ ซึ่งปัจจุบันธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะกล้าเดินบนเส้นทางที่แตกต่าง

file

กว่าจะเป็น KIKI Beauty Space

เรากำลังอยู่ที่อาคาร 2 คูหา สูง 4 ชั้น ที่แบ่งออกเป็นโซนสำหรับดูแลผม เล็บ และใบหน้าแบบครบวงจร ภายในเน้นตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น เน้นวัสดุปูนเปลือยแบบที่เรามักจะเห็นกันตามคาเฟ่เกาหลี ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ของซาลอนทั่วไปที่มักจะเป็นแนวหวาน ๆ หรือเน้นความโอ่อ่า โดยคุณก้องได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาปรับใช้ในการออกแบบ

แต่กว่าจะมาเป็น KIKI Beauty Space ลักชัวรีซาลอนอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยได้อย่างทุกวันนี้ คุณก้องเล่าว่าต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่เดิมที่นี่เคยเป็นอาคารว่างเปล่า เมื่อมีโอกาสเป็นเจ้าของพื้นที่ จึงตัดสินใจเปิดร้านมัลติแบรนด์ชื่อว่า OBSESSED เพื่อจำหน่ายสินค้าเกาหลีซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ในขณะนั้น เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมถึงมีบริการทำเล็บชื่อว่า KIKI ด้วย ทว่าเพิ่งเปิดร้านได้เพียง 2 เดือนก็ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ นั่นคือการล็อกดาวน์เนื่องจากการระบาดหนักของ COVID-19

เห็นโอกาสท่ามกลางวิกฤต

ในขณะที่ร้านข้างเคียงย้ายออกไป แต่คุณก้องกลับเล็งเห็นโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ที่ต่อเนื่องมาจากแผนกทำเล็บเล็ก ๆ ในร้าน เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าขณะนั้นย่านสยามสแควร์ยังไม่มีร้านพรีเมียมซาลอนพบว่าขณะนั้นย่านสยามสแควร์ยังไม่มีร้านพรีเมียมซาลอน ประกอบกับมีฐานลูกค้าที่น่าจะทำได้ เห็นได้จากร้าน Nice Two Meat U ที่คุณแนท-นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ (พี่สาวของคุณก้อง) เป็นหุ้นส่วนอยู่ ก็มีฐานลูกค้าเดียวกันและเปิดมาได้ 6 ปีแล้ว จึงตัดสินใจเบนเข็มไปทางธุรกิจพรีเมียมซาลอนอย่างเต็มตัว พร้อมรีโนเวตร้านและขยายพื้นที่เพื่อเตรียมเปิดรับลูกค้าอีกครั้ง ด้วยดีกรีปริญญาโทด้าน Supply Chain Management จาก Cass Business School ประเทศอังกฤษ ทำให้คุณก้องเข้าใจการบริหารธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จึงช่วยในการวางแผนกลยุทธ์และสร้างแบรนด์ได้เป็นอย่างดี นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ KIKI Beauty Space โดยคำว่า KIKI มีที่มาจากชื่อที่คุณแม่เรียกคุณก้องว่า “ก้องกี้” ซึ่งจดจำได้ง่าย และเลือกใช้คำว่า Beauty Space แทนคำว่า Salon เพราะคุณก้องอยากให้พื้นที่แห่งนี้มีความเป็น Unisex ไม่จำกัดเพศและวัยของลูกค้า

กลยุทธ์สร้างแบรนด์ให้แตกต่าง

ในขณะที่ซาลอนส่วนใหญ่มักจะผูกสัญญากับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเพื่อให้ได้ราคาพิเศษ แต่ KIKI Beauty Space กล้าเดินบนเส้นทางที่แตกต่าง โดยยอมจ่ายแพงขึ้น ไม่ขอผูกมัดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง เพราะคุณก้องมองว่าแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นแตกต่างกัน แบรนด์หนึ่งโดดเด่นเรื่องแชมพู แต่อีกแบรนด์หนึ่งอาจโดดเด่นเรื่องทรีตเมนต์ จึงต้องการคัดสรรสิ่งดี ๆ มารวมไว้ในที่เดียว เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า อย่างเช่นสีทาเล็บก็มีให้เลือกมากถึง 800 สี ในขณะที่ร้านทั่วไปมีเพียง 200 สี

ส่วนวิธีมัดใจให้ลูกค้าระดับพรีเมียมเข้ามาใช้บริการซ้ำ แน่นอนว่าการตัดสินใจของลูกค้ากลุ่มนี้ย่อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคา แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เคล็ดลับของร้าน KIKI ก็คือก่อนที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใดก็ตาม คุณก้องจะเชิญให้แบรนด์เหล่านั้นเข้ามาทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ร้าน เพื่อดูผลลัพธ์ก่อนนำมาใช้จริงกับลูกค้าคนสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจที่มีให้กับลูกค้าเป็นอย่างดี

นั่นจึงทำให้ผลงานของ KIKI Beauty Space เป็นที่กล่าวขานกันว่ามีคุณภาพสูง อย่างเช่นการทำผมสีหม่นหรือสีเทาที่กำลังเป็นเทรนด์ฮิต การทำสีให้อยู่ได้นานและยังคงโทนสีเดิมไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่สำหรับที่นี่ การันตีว่าอยู่ได้นานกว่า 6 - 8 เดือน

“คนมักจะคิดว่าทำไมทำสีผมที่ KIKI แพง นั่นเพราะต้นทุนเราสูง แต่ทำสีผมกับเราจ่ายครั้งเดียวจบ ไม่ต้องฟอกสีผมหลายรอบ หรือต้องกลับมาเติมสีหลายครั้ง”

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของซาลอนคือฝีมือและบริการของช่าง หลายคนมักมีช่างประจำที่มั่นใจในฝีมือ แต่สำหรับ KIKI Beauty Space ไม่ว่าคุณจะเดินเข้ามาใช้บริการกับช่างคนไหนและเมื่อใดก็ตาม ผลลัพธ์ต้องออกมาสวยถูกใจราวกับว่าได้ทำกับช่างคนโปรด นั่นเพราะ KIKI Beauty Space มีกระบวนการฝึกช่างที่แข็งแกร่ง และมีแบรนด์ที่เชื่อถือได้

file

“ซาลอนคือธุรกิจบริการ ทุกอย่างเป็นแฮนด์เมด ไม่เหมือนกับร้านอาหารที่ใช้สูตรเดิมแต่เปลี่ยนคนทำได้ ดังนั้นโจทย์ที่ท้าทายคือการทำให้ลูกค้ามั่นใจในแบรนด์ ไม่ว่าจะทำกับช่างคนไหนก็จะได้รับบริการที่เป็นมาตรฐานเหมือนกัน เราจะคัดเลือกช่างที่มีประสบการณ์สูง และต้องคุยกับลูกค้าก่อนว่าอยากทำอะไร จากนั้นค่อยประเมินว่าสามารถทำให้ได้ไหม เช่น ลูกค้าที่ฟอกผมมาตลอด แล้วอยากฟอกเพิ่มให้สว่างขึ้น ถ้าวิเคราะห์แล้วเส้นผมไม่แข็งแรงพอก็ต้องปฏิเสธไป เรายอมเสียโอกาสตรงนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้า”

มุ่งพัฒนาคุณภาพทุกวัน

ท่ามกลางธุรกิจซาลอนที่แข่งขันกันดุเดือด แต่ KIKI Beauty Space ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด มัดใจลูกค้าขาประจำได้อยู่หมัด “ความยากของการทำซาลอนคือรายละเอียดที่มีเยอะมาก ผมเองก็ไม่เคยมีความรู้มาก่อน ดังนั้นจึงต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่น แต่ผมเชื่อว่าเราเรียนรู้ได้ และตั้งเป้าหมายไว้ว่าถ้าทำแล้วต้องทำให้ดี แบรนด์เราพัฒนาตัวเองทุกวัน แม้ว่าจะไม่มีคู่แข่งก็ตาม เราคอยสอบถามฟีดแบ็กจากลูกค้าเสมอ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาสิ่งใหม่ที่ตอบโจทย์เขามากขึ้น”

คุณก้องแอบกระซิบว่า เร็ว ๆ นี้เตรียมพบกับ “KIKI X” บริการต่อผม ต่อเล็บ ต่อขนตาพรีเมียม และยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่กำลังจะเปิดตัวช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าแรงจนฉุดไม่อยู่จริง ๆ

file
file

ปัจจุบัน KIKI Beauty Space ให้บริการครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ -KIKI Hair ทำผมครบวงจร ตั้งแต่ตัด ทำสี ดัด ยืด ทรีตเมนต์ รวมทั้งต่อผม -KIKI Mani Pedi บริการทำเล็บ ทั้งเล็บมือ เล็บเท้า มีทั้งสปา ทำสีเจล ต่อเล็บทุกรูปแบบ -KIKI Face มีบริการย่อยออกมา ทั้งเรื่องคิ้ว ขนตา แว็กซ์ และทรีตเมนต์

Trust Magazine by TISCO