พรชุลี ก้านแก้ว ส่งต่อความทรงจำวันวาน ผ่านพิพิธภัณฑ์ของเก่าสะสม “ศตวรรษสยาม”

แลนด์มาร์กที่เป็นจุดเด่นของศตวรรษสยาม คือ “บ้านวัดกัลยา” หรือเรือนไทยตันยุวรรธนะ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 โดยคุณพอลลี่เล่าว่า “เรายกบ้านหลังนี้มาจากบางกอกใหญ่ เจ้าของบ้านเดิมเมื่อรู้ว่าเราต้องการซื้อเพื่อมาทำพิพิธภัณฑ์ก็ขายให้เลย ซึ่งบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เพราะเคยผ่านยุคสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว ก็เลยมีหลุมหลบเครื่องบินทิ้งระเบิดอยู่ใต้ดิน หรือภายในบ้านก็มีพวกเฟอร์นิเจอร์โบราณอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีด้วยเช่นกัน”

ถัดจากบ้านวัดกัลยา หากเดินเข้าไปด้านในสุด ผู้มาเยือนก็จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชุมชนชาวริมคลอง ในบรรยากาศธรรมชาติของสวนมะพร้าว ที่มีอุโมงค์มะพร้าวเป็นไฮไลต์ให้ได้เก็บภาพสวย ๆ ทั้งยังได้อร่อยชื่นใจกับการดื่มมะพร้าวน้ำหอมจากสวนอีกด้วย

เดิมทีคุณพอลลี่ทำธุรกิจส่วนตัวร่วมกับสามี คือเปิดบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา และปักหลักชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ด้วยสมาชิกทุกคนของครอบครัวนี้มีจิตวิญญาณแห่งความเป็นนักสะสมของเก่า ทำให้ “ศตวรรษสยาม” ดูจะเป็นสถานที่สร้างความสุขที่แต่ละคนช่วยกันดูแลในส่วนที่ตัวเองถนัด ชอบ และได้แบ่งปันความสุขนี้ให้แก่คนอื่น ๆ ด้วย

“คุณสามีชอบสะสมพระเครื่องและผ้าโบราณค่ะ ด้านลูกชายเป็นสายสะสมนาฬิกาเก่า รถเก่า ส่วนตัวเองเป็นนักสะสมสายของเล่น ของกระจุกกระจิก ที่มีจุดเริ่มต้นเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ซึ่งเราไปเห็นของเล่นพวกนี้แล้วความทรงจำวัยเด็กมันย้อนกลับมา ทำให้เราอยากเป็นเจ้าของในวันนี้ อาจด้วยตอนเด็ก ๆ ที่เราไม่ได้ครอบครอง ต้องไปขอเล่นจากเพื่อนบ้าน เพราะบ้านเรา พ่อแม่รับราชการ มีลูก 4 คน ก็จะไม่สามารถฟุ่มเฟือยกับการซื้อของเล่นให้ลูก ๆ ได้ทุกอย่าง แพสชันอยากสะสมของเก่าจึงมาจากตรงนั้น” คุณพอลลี่กล่าว

แม้ว่าวันนี้ “ศตวรรษสยาม” จะยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ก็เริ่มเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวแล้ว ซึ่งก็มีผู้คนเดินทางมาชมอย่างไม่ขาดสาย ด้วยเสน่ห์จากของเก่าสะสมและเรื่องราวย้อนยุคของที่นี่สร้างบรรยากาศที่แตกต่างจากพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยคอนเซปต์ของ “ศตวรรษสยาม” แบ่งออกเป็น 3 เรื่องราว ได้แก่ “Educate” คือที่นี่ต้องให้ความรู้แก่ผู้มาเยือน ดังนั้นตลอดการเปิดให้บริการจึงมีเจ้าหน้าที่เล่าเรื่องราวข้อมูลประวัติศาสตร์ต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์แก่นักท่องเที่ยว ถัดมาคือมีความเป็น “Art” ด้วยการออกแบบภูมิทัศน์ที่สวยงาม งานศิลปะต่าง ๆ ถูกผสมผสานเข้าไปอย่างลงตัว และสุดท้าย “Entertainment” คือการใส่ความสุข ความบันเทิงเริงใจ สร้างประสบการณ์สนุก ๆ ให้นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนกันมา อาทิ ห้องของเล่น มีตุ๊กตาไขลานให้ทุกคนได้ลองเล่น หรือห้องที่เป็นร้านขายของชำ ก็มีสินค้าและขนมโบราณวัยเด็กให้ทุกคนได้สัมผัส และห้องหนังสือที่สามารถลงมือเขียนได้ด้วยตัวเอง

“เราเปิดศตวรรษสยามมาตั้งแต่ปี 2562 ทั้งที่ยังไม่ได้โปรโมตอะไรมากมาย แต่ก็มีนักท่องเที่ยว กลุ่มนักเรียน-นักศึกษา มาเยี่ยมชมกันเยอะทุกวัน ซึ่งการบริหารจัดการภายในตอนนี้ก็พอจะมีรายได้มาหล่อเลี้ยงพนักงาน แต่เราเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำให้มันเป็นธุรกิจอยู่แล้ว แค่อยากให้ทุกคนมาซึมซับบรรยากาศ ได้ฟังเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ และมีความสุขกับการได้เห็นของสะสมย้อนความทรงจำในบรรยากาศย้อนยุคที่หายไป เพียงแค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว ถามว่าในอนาคต ศตวรรษสยามจะไปได้ไกลแค่ไหน เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร ขอมีความสุขอยู่กับปัจจุบันดีกว่า” คุณพอลลี่กล่าว

สำหรับวัย 58 ปีของคุณพอลลี่วันนี้ ได้มองชีวิตยามเกษียณของตัวเองไว้ด้วยความสุขง่าย ๆ เช่นกันว่า “อย่างแรกคือไปเที่ยวกับเพื่อน สองคือมาต้อนรับลูกค้าที่นี่ และอีกอย่างหนึ่งคือยังคงเป็นนักสะสม (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นในอนาคตต่อไปของศตวรรษสยามก็ยังจะมีของเก่ามาให้ชม ให้เล่าเรื่องใหม่ ๆ กันอยู่ตลอด จากโซนนี้ที่มีเพียงของสะสมอายุร้อยปี ต่อไปก็มีวางแผนไว้กับลูกชายเหมือนกันว่าอาจเป็นของสะสมที่อายุต่ำลงมาหน่อย เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้เขาอยากมาที่นี่กันมากขึ้น เรียกว่าเป็นการสร้างพิพิธภัณฑ์ที่เปิดกว้างกับทุกเจเนอเรชันค่ะ”