วางแผนเกษียณอย่างไร ให้มั่นคง

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 67 | คอลัมน์ Health Protection Advisory

file

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสังคมผู้สูงอายุ (Aged Society) ที่มีคนอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราการเกิดของเด็กลดน้อยลง ประกอบกับหลายคนเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบครอบครัวเดี่ยว รวมถึงการไม่คิดอยากมีบุตร และนั่นคือสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญกับการวางแผนชีวิตหลังเกษียณมากขึ้น จะได้ไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนต่าง ๆ เมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับสภาพทางการเงินหรือสภาพร่างกายตามมาได้ ประกอบกับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจเรื่องการใช้ชีวิตและสุขภาพมากขึ้น สิ่งที่จะต้องคิดและต้องมีตามมาทันที นั่นก็คือความเป็น Wealth & Health ที่จะต้องเตรียมไว้หลังเกษียณ ดังนั้นหากคุณเกษียณอายุโดยปราศจากการวางแผนการเงินที่ดี และละเลยช่วงอายุหลังเกษียณที่เปลี่ยนไป อาจเกิดภาวะ “เงินหมดก่อนตาย” จนขาดอิสรภาพทางการเงินและอาจกลายเป็นภาระของครอบครัวตนเอง หรือสังคมก็เป็นได้ 

    โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ ค่าใช้จ่ายของเราจะเหลือ 70% ของค่าใช้จ่ายปีสุดท้ายก่อนเกษียณ นั่นเพราะว่าเมื่อเราไม่ต้องไปทำงานแล้ว ค่าใช้จ่ายจำพวกค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายทางสังคม หรือภาระผ่อนสินทรัพย์ต่าง ๆ ก็จะลดลง แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายบางอย่างเพิ่มขึ้นมาแทนที่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น หรือจะเป็นค่าท่องเที่ยว เพราะการมีเวลามากขึ้น หลาย ๆ คนก็ฝันอยากไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ก่อนที่จะไม่มีแรง อีกทั้งอาจจะมีเรื่องค่าบำรุงรักษาสินทรัพย์ เพราะนอกจากร่างกายของเราจะโรยราแล้ว สินทรัพย์อย่างรถและบ้านก็ค่อย ๆ เสื่อมโทรมลงเช่นกัน 

    จากประเด็นดังกล่าว เราจึงต้องเร่งให้ความสำคัญกับการเริ่มต้นวางแผนเกษียณแต่เนิ่น ๆ ให้คุณลองคำนวณดูว่า เมื่อนำค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ข้างต้นมารวมกันแล้วจะคิดเป็นค่าใช้จ่ายเท่าไรต่อปี แล้วนำมาคูณด้วยจำนวนปีที่คุณคาดว่าจะใช้ชีวิต เช่น ตอนนี้อายุ 25 ปี ตั้งใจเกษียณตอนอายุ 60 ปี และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 80 ปี โดยตั้งใจจะมีเงินใช้จ่ายที่ 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งต้องคำนวณเผื่ออัตราเงินเฟ้อเข้าไปด้วย สมมติว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% ต่อปี เมื่อคำนวณแล้วจะได้ค่าใช้จ่ายที่เราต้องเตรียมในยามเกษียณทั้งหมด 8,400,000บาท

    เมื่อเราได้จำนวนเงินซึ่งเป็นเป้าหมายแล้ว สิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับถัดไป คือการที่เราจะต้องสำรวจตัวเองว่าปัจจุบันเรามีเงินออมเพื่อเกษียณจากอะไรบ้าง เช่น บัญชีเงินฝาก เงินทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันออมทรัพย์ หรือเงินลงทุนในหุ้น และกองทุนรวมต่าง ๆ การตรวจสอบเงินออมที่มีอยู่ก็เพื่อให้เราสามารถคำนวณได้ว่ายังขาดเงินที่ต้องออมเพิ่มอีกเท่าไหร่ เมื่อรู้จำนวนเงินที่ยังขาดแล้ว ก็ให้เรานำตัวเลขนั้นมาวางแผนในการออมเงินสำหรับเกษียณ

    ซึ่งในปัจจุบันหากไม่นับกองทุนชราภาพจากประกันสังคม กองทุน PVD หรือ กบข. คนส่วนใหญ่มักเริ่มวางแผนเพื่อการเกษียณโดยให้ความสำคัญกับการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนเป็นหลัก นั่นคือเน้นลงทุนผ่านกองทุน RMF มากกว่าที่จะเลือกวางแผนผ่านประกันบำนาญ โดยมีข้อมูลบ่งชี้จากข้อมูลของ Google Trends ในปี 2022 รายงานว่า ดัชนีจำนวนคำค้นผ่านเว็บไซต์ Google ระหว่างคำว่า “RMF” สูงกว่าคำว่า “ประกันบำนาญ”    

file

    ทั้งที่จริงแล้ว วิธีการวางแผนเกษียณที่ดี จะต้องลดความไม่แน่นอนของเงินทุนที่คาดว่าจะมีใช้หลังเกษียณอายุ ก่อนที่จะแสวงหาผลตอบแทนที่มาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ เผื่อในกรณีที่การลงทุนเกิดความผิดพลาดจากที่คาดการณ์ไว้ จะได้ไม่ไปกระทบกับแผนเกษียณที่วางไว้ ดังนั้นการเลือกวางแผนเกษียณผ่านประกันบำนาญ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน

    เนื่องจากประกันบำนาญ เป็นประกันชีวิตรูปแบบหนึ่งที่เน้นเรื่องการสร้างหลักประกันรายได้ตลอดช่วงวัยเกษียณ แต่อาจจะไม่ได้โดดเด่นเรื่องการคุ้มครองชีวิตเมื่อเทียบกับประกันชีวิตทั่วไป ประกันชีวิตบำนาญเป็นประกันสำหรับคนที่อยากสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตในวัยเกษียณ โดยคุณจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่ระบุในกรมธรรม์ จากนั้นก็รอรับเงินบำนาญเป็นแบบรายเดือน หรือรายปีอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นตัวช่วยให้คุณบริหารการเงินในวัยเกษียณได้อย่างดีและมั่นคงอีกด้วย โดยเฉพาะของธนาคารทิสโก้ ด้วย My Wish Retirement จะได้รับเงินบำนาญตั้งแต่อายุ 60 ปีเป็นต้นไปจนถึงอายุ 99 ปี จึงเป็นประกันเพื่อชีวิตหลังเกษียณได้อย่างแท้จริง

  

    ข้อดีของ My Wish Retirement คือเป็นเครื่องมือวางแผนทางการเงินในระยะยาวกว่าการลงทุนแบบอื่น ๆ เป็นการออมเงินที่มีความเสี่ยงต่ำและการันตีเงินบำนาญตอนเกษียณอายุ ถือเป็นเป้าหมายการออมเงินระยะยาว ดังนั้น เมื่อตัดสินใจวางแผนเกษียณด้วย My Wish Retirement คุณจึงมั่นใจได้เลยว่า จะมีเงินรองรับหลังเกษียณอย่างแน่นอน ซึ่งจะช่วยลดความกังวลว่าเงินเพื่อการเกษียณจะหมดไปก่อนสิ้นอายุขัย ลดการเป็นภาระแก่ลูกหลานในอนาคต อีกทั้งในส่วนของเบี้ยประกันที่ชำระในแต่ละปียังสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ 15% ของเงินได้พึงประเมินทั้งปี สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเงินที่จ่ายเข้ากองทุน RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบข. หรือกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชนแล้วจะต้องไม่เกิน 500,000 บาทด้วย และนั่นก็คือการเพิ่มพูนความมั่งคั่งขึ้นมาอีกทางหนึ่ง

file

    แต่ความกังวลหลังเกษียณของหลาย ๆ คน อาจไม่ได้มีเพียงแค่ด้านการเงินเพียงอย่างเดียว แต่หลายคนอาจจะมีความกังวลในเรื่องของสุขภาพอีกด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าเมื่ออายุเยอะขึ้น ย่อมตามมาด้วยปัญหาสุขภาพ อีกทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันมีปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย จากสื่อต่าง ๆ ที่นำเสนอมักจะพบโรคหรือไวรัสตัวใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ หรือแม้กระทั่งคนที่สุขภาพดี ที่ไม่คิดว่าจะป่วยก็สามารถป่วยได้เช่นกัน แน่นอนว่าสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นตามมา คือ ค่าใช้จ่ายสำหรับค่ารักษาพยาบาล ซึ่งในอนาคตนั้นค่อนข้างสูงมาก การรักษาในบางโรค คุณอาจจะต้องเสียเงินเป็นล้าน ค่าใช้จ่ายในการรักษาเหล่านี้อาจจะไปกระทบกับเงินที่เตรียมไว้สำหรับการวางแผนเกษียณของคุณได้

    นั่นคือที่มาของการวางแผนการทำประกันสุขภาพ คือ ช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทนคุณ คุณจึงไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลที่สูงมากอีกต่อไป ช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้คุณในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หากคุณเจ็บป่วย บริษัทประกันชีวิตจะเข้ามาดูแลค่ารักษาพยาบาลแทนคุณ โดยที่คุณไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งคุณจะได้รับคำปรึกษาและการดูแลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างดี รวมไปถึงได้รับผลประโยชน์การรักษาตามหลักการประกันสุขภาพมาตรฐานใหม่ (New Health Standard) ที่ถูกกำหนดโดยสำนักงาน คปภ. เพื่อยกระดับมาตรฐานของสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพให้ทันสมัย ครอบคลุมกระบวนการรักษาตามพัฒนาการทางการแพทย์ โดยปัจจุบันนี้ ทางธนาคารทิสโก้ได้มีผลิตภัณฑ์ Easy Health และ Prestige Health เข้ามาเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน และช่วยดูแลค่าใช้จ่ายทางสุขภาพในอนาคต อีกทั้งในเรื่องของโรคร้ายแรงต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว คุณก็สามารถสร้างวงเงินปกป้องคุ้มครองด้วยประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง CI Extra Care ที่ครอบคลุมถึง 108 โรคร้ายแรง

    มาถึงตรงนี้แล้ว ไม่อยากให้หลายท่านมองข้ามการวางแผนเกษียณด้วยประกันบำนาญและประกันสุขภาพรวมถึงโรคร้ายแรง เพื่อให้การวางแผนเกษียณมีความมั่นคงโดยไม่ต้องกังวลว่าทิศทางการลงทุนอาจมีความผันผวนและอาจกระทบกับการใช้ชีวิตหลังเกษียณ เพราะในการวางแผนด้วยประกันที่กล่าวมานั้น ไม่เพียงแต่การมีรายได้หลังเกษียณที่แน่นอน แต่ยังครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาลและคุ้มครองโรคร้ายแรง ถึงแม้ว่าการวางแผนเกษียณอาจจะต้องใช้เวลาหลายปี แต่ถ้าเรามีวิธีการและแผนประกันที่ดีรองรับ เกษียณอย่างไร ให้มั่นคง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป