EMBRACING WELLNESS AND LIFETIME CARE สังคมสูงวัย ไม่ใช่แค่อายุยืน ต้องสุขภาพดี-มีความสุขด้วย
นิตยสาร Trust ฉบับที่ 67 | คอลัมน์ Moment of Happiness
ความมุ่งมั่นที่อยากให้ผู้สูงวัยมีอายุยืนยาว พร้อมด้วยการมีสุขภาพแข็งแรง และได้ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพจวบจนวันสุดท้ายของชีวิต คือเป้าหมายที่ทำให้บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ “เอ็มคิวดีซี” (MQDC) ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก “เบย์เครสต์” (Baycrest) ผู้นำในด้านการดูแลสุขภาพ งานวิจัย และการศึกษา โดยมุ่งเน้นที่สุขภาวะสมองและผู้สูงวัย เพื่อมอบการดูแลแบบครบวงจร ภายใต้แนวคิดดูแลตลอดชีวิต ให้กับลูกบ้านวัย 50+ ในโครงการ “ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์” (The Aspen Tree The Forestias) ย่านบางนา
ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ คือโครงการที่พักอาศัยพร้อมมอบบริการดูแลตลอดชีวิต สำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการใช้ชีวิตในระยะยาว (และมีอายุ 50 ปีขึ้นไป) ภายในพื้นที่โครงการฯ กว่า 23 ไร่ จำนวน 290 ยูนิต มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เวลเนสคลับเฮาส์ ศูนย์สุขภาพและสมอง โดยลูกบ้านจะได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลจากประกันสุขภาพที่มีวงเงินสูงสุด 40 ล้านบาท* ซึ่งดูแลครอบคลุมจนถึงอายุ 99 ปี ถือเป็นสังคมแห่งการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพสำหรับผู้สูงวัยแห่งแรกของไทย และครบวงจรที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะที่พันธมิตรระดับโลกอย่าง Baycrest หรือ “เบย์เครสต์” ดร.แอนนา บัลลอน รองกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ได้เล่าว่า เบย์เครสต์ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1918 ณ เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา เป็นหน่วยงานที่มีองค์ความรู้เรื่องเวชศาสตร์ผู้สูงวัย (Geriatrics) ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 100 ปี และเป็นศูนย์กลางการดูแลผู้สูงวัยที่มีนวัตกรรมถึงพร้อมทั้งที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ และสถาบันวิจัย ร่วมกับมหาวิทยาลัยโทรอนโต (University of Toronto) ที่มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสุขภาวะของผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง
“เบย์เครสต์ตัดสินใจร่วมมือกับเอ็มคิวดีซี ทั้งที่ไม่เคยร่วมมือกับองค์กรใดในลักษณะนี้มาก่อน เพราะเห็นถึงความตั้งใจของทีมผู้บริหาร ที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในด้านดีแก่ผู้สูงอายุในไทย ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่เบย์เครสต์ยึดถือมาตลอด คือการสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับผู้สูงอายุ ที่เอื้อต่อการดำเนินชีวิตที่เปี่ยมแรงบันดาลใจ มีเป้าหมาย เติมเต็มคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ควบคู่ไปกับการมีสุขภาพที่ดี” ดร.แอนนากล่าว
ที่นี่ไม่ใช่ศูนย์ดูแลผู้ป่วย แต่คือ “บ้าน”
ทุกรายละเอียดของพื้นที่ รวมถึงกิจกรรมและการบริการของ ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ สร้างสรรค์ขึ้นตามผลวิจัยเกี่ยวกับเวชศาสตร์ผู้สูงอายุที่มีวิทยาศาสตร์รองรับ ไม่ต่างจากรูปแบบการดำเนินงานของเบย์เครสต์ที่เป็นต้นแบบ โดยให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยตามหลักการ Universal Design ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกสบาย รวมถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชน มีกิจกรรมที่เหมาะสมรองรับ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสุขภาพแข็งแรงแบบองค์รวม (Holistic Wellness) ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย (Physical Wellness) สมอง (Cognitive Wellness) อารมณ์ (Emotional Wellness) และสังคม (Social Wellness) ตามแนวคิด Aging-in-Place ผู้สูงวัยไม่ต้องย้ายที่อยู่ แต่สามารถดำเนินชีวิตในบ้านและสังคมเดิมที่คุ้นเคย โดยที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ
“ที่นี่ไม่ใช่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยแต่คือ “บ้าน” เราให้ความสำคัญแก่การออกแบบที่เหมาะกับวัย 50+ เน้นเรื่องสภาพแวดล้อมปลอดโปร่ง มีนวัตกรรมที่เหมาะสม ภายในบ้านมีความปลอดภัย พื้นไม่ลื่น มีคุณสมบัติกันกระแทก เพื่อบรรเทาความเสียหายหากเกิดอุบัติเหตุ มีปุ่มฉุกเฉิน มีระบบติดตามตัว ในกรณีที่ลูกบ้านต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน” ดร.แอนนากล่าว
พร้อมมอบการดูแลตลอดชีวิต
ผู้สูงวัยต้องมีความเป็นอยู่ที่ดี ตราบจนวาระสุดท้าย
เบย์เครสต์มีการจับมือกับสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) เปิดตัวหลักสูตร Care Angel Program เพื่อฝึกอบรมเป็นระยะเวลา 840 ชั่วโมง ทั้งการอบรมภาคทฤษฎีเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพวัยอิสระ การอบรมภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการดูแลวัยอิสระขั้นพื้นฐาน และการอบรมทักษะเสริมพิเศษเพื่อความเป็นมืออาชีพในการบริการ ซึ่งมากกว่ามาตรฐานผู้ดูแลทั่วไปที่ต้องฝึกฝน 450 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อสร้างบุคลากรที่ให้บริการได้เหนือระดับ โดยทางเบย์เครสต์จะรับหน้าที่ออกแบบโปรแกรมฝึกหัดทั้งหมด พร้อมกันนี้จะมีแพทย์เฉพาะทางด้านผู้สูงอายุ (Geriatrician) คอยดูแลเรื่องสุขภาพองค์รวมของลูกบ้าน เพื่อมอบคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้สูงวัยจนวาระสุดท้าย
“เราเน้นการดูแลเชิงป้องกัน โดยเฉพาะเรื่องสุขภาวะสมองที่เราดูแลควบคู่ไปกับทุก ๆ ด้าน สาเหตุที่เราเน้นเรื่องสมอง เพราะผลวิจัยบอกว่าในอนาคตผู้คนจะเป็นโรคเกี่ยวกับสมองมากขึ้น ในประเทศไทยจะมีโอกาสสูงขึ้นถึง 257% จากปี 2019 ถึง 2050 ทั้งสมองเสื่อม (Dementia) และอัลไซเมอร์ (Alzheimer) นี่เป็นกลุ่มโรคที่รักษาไม่หายแต่ป้องกันได้ ด้วยการปรับไลฟ์สไตล์ตั้งแต่ 20-25 ปีก่อนจะเกิดอาการแรกเริ่ม ไม่ว่าจะเป็นโภชนาการ การออกกําลังกาย และทำกิจกรรมฝึกสมอง ได้แก่ การร้องเพลง การเต้นรำ การสร้างงานศิลปะ การเล่นเกม” ดร.แอนนากล่าว
ผู้สูงวัยต้องไม่อยู่โดดเดี่ยวจากครอบครัว
เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่ทั้งสององค์กรใหญ่ ได้ร่วมมือกันเพื่อเตรียมความพร้อมแก่ ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งในขณะที่เอ็มคิวดีซี คือผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เบย์เครสต์ก็ได้ร่วมมือในทุกขั้นตอนของการสร้างที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของวัย 50+ อย่างแท้จริง ในขณะที่ยังสามารถอยู่อาศัยร่วมกับคนรุ่นอื่น ๆ ในครอบครัว (Intergenerational Living) ตามวิถีของวัฒนธรรมไทย
“การอยู่ร่วมกันของคนหลาย ๆ รุ่นในครอบครัว เป็นสิ่งที่ประเทศไทยแตกต่างจากวัฒนธรรมตะวันตก เราอยากให้ปู่ย่าตายายยังได้อยู่อาศัยใกล้ชิดกับลูกหลาน ในขณะเดียวกัน เราก็ช่วยให้ลูกหลานได้รู้สึกอุ่นใจขณะที่ออกไปทำงานและใช้ชีวิต เพราะรู้ว่าผู้สูงวัยจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทีมงาน ผู้สูงวัยเองก็จะไม่รู้สึกเหงา ไม่ต้องอยู่บ้านอย่างโดดเดี่ยวอีกด้วย” ดร.แอนนากล่าว
