“Maserati Granturismo Folgore” เปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ ซูเปอร์คาร์ขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% คันแรก

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 67 | คอลัมน์ On the Move

file

สำหรับผู้ชื่นชอบตำนานและความทันสมัยของซูเปอร์คาร์แห่งมาเซราติ (Maserati) แบรนด์รถยนต์หรูแห่งเมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี ในปี 2567 นี้ เมืองไทยเตรียมได้ยลโฉม “มาเซราติ กรันทูริสโม โฟลกอเร (Maserati Granturismo Folgore)” ยนตรกรรมจีทีที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% เต็มรูปแบบรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของมาเซราติ ซึ่งทำการเปิดตัวในงานเทศกาลกู๊ดวูด เฟสติวัล ออฟ สปีด 2023  ไปแล้วด้วยรูปลักษณ์ที่ยังคงโดดเด่นจากการผสานอย่างลงตัวระหว่างสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีสุดล้ำ และสมรรถนะสุดแรง พร้อมรับบทหลักสู่การพลิกหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ เพราะจากนี้ซูเปอร์คาร์ทุกรุ่นจะถูกเปลี่ยนให้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อให้มาเซราติกลายเป็นบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มตัวภายในปี 2573 โดยแฟนพันธุ์แท้ในแวดวงรถยนต์ระดับโลกต่างรู้ดีว่า มาเซราติเป็นยนตรกรรมที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะและสุนทรียภาพในการขับขี่ควบคู่ไปกับการใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

สุดยอดนวัตกรรมซูเปอร์คาร์รุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%

    “มาเซราติ กรันทูริสโม โฟลกอเร” เป็นซูเปอร์คาร์คันแรกของค่ายนี้ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ส่งกำลังผ่านมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า 300 กิโลวัตต์ จำนวน 3 ตัว (อยู่ด้านหน้ารถ 1 ชุด และท้ายรถ 2 ชุด) ทำให้มีพลังสูงถึง 750 แรงม้าและแรงบิดที่ 1,350 นิวตันเมตร และใช้พื้นฐานจากเทคโนโลยีมอเตอร์ 800 โวลต์ของรถแข่งฟอร์มูลาอี (Formula E) แบตเตอรี่ความจุ 92.5 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถปล่อยกำลังไฟฟ้า 560 กิโลวัตต์/ชั่วโมง  สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 450 กิโลเมตรในการชาร์จเพียงครั้งเดียว และเพิ่มระยะทางวิ่งได้ถึง 100 กิโลเมตรเมื่อชาร์จเร็วในเวลาเพียง 5 นาที รวมไปถึงนวัตกรรมอันทันสมัยในการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ T-bone หรือติดตั้งไว้บริเวณโครงสร้างกลางรถแทนการติดตั้งไว้ใต้เบาะผู้ขับ ส่งผลดีต่อบาลานซ์และจุดศูนย์ถ่วงของรถในความสูง 1,353 มม. นับเป็นส่วนหนึ่งของคอนเซปต์ Zero Compromise ตามสไตล์มาเซราติ

ดีไซน์งามสง่ารูปลักษณ์ไม่ซ้ำใคร 

    “มาเซราติ กรันทูริสโม โฟลกอเร” เป็นซูเปอร์คาร์คันแรกของค่ายนี้ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ส่งกำลังผ่านมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า 300 กิโลวัตต์ จำนวน 3 ตัว (อยู่ด้านหน้ารถ 1 ชุด และท้ายรถ 2 ชุด) ทำให้มีพลังสูงถึง 750 แรงม้าและแรงบิดที่ 1,350 นิวตันเมตร และใช้พื้นฐานจากเทคโนโลยีมอเตอร์ 800 โวลต์ของรถแข่งฟอร์มูลาอี (Formula E) แบตเตอรี่ความจุ 92.5 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถปล่อยกำลังไฟฟ้า 560 กิโลวัตต์/ชั่วโมง  สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 450 กิโลเมตรในการชาร์จเพียงครั้งเดียว และเพิ่มระยะทางวิ่งได้ถึง 100 กิโลเมตรเมื่อชาร์จเร็วในเวลาเพียง 5 นาที รวมไปถึงนวัตกรรมอันทันสมัยในการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ T-bone หรือติดตั้งไว้บริเวณโครงสร้างกลางรถแทนการติดตั้งไว้ใต้เบาะผู้ขับ ส่งผลดีต่อบาลานซ์และจุดศูนย์ถ่วงของรถในความสูง 1,353 มม. นับเป็นส่วนหนึ่งของคอนเซปต์ Zero Compromise ตามสไตล์มาเซราติ

    “มาเซราติ กรันทูริสโม โฟลกอเร” นำเสนอความสง่างามและสมรรถนะอันยอดเยี่ยมที่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยรูปลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร จึงจดจำได้ในทันทีด้วยตัวตนของมาเซราติที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างครบถ้วน เส้นสายที่ดูเรียบง่ายแต่ชัดเจน ฝากระโปรงหน้าทรงยาวและตำแหน่งผู้ขับอยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 มาพร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลังเน้นให้เห็นความโค้งมน

    สำหรับห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัยด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA) อินโฟเทนเมนต์ใหม่ล่าสุด หน้าจอ Comfort Display ที่รวมเอาฟังก์ชันของหน้าจอระบบสัมผัสแบบอินเทอร์เฟซ นาฬิกาดิจิทัล และเทคโนโลยีระบบแสดงผลที่กระจกบังลมแบบ Head-Up Display

    นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ All Around Sound Experience การันตีด้วยสุดยอดชุดเครื่องเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชันรถไฟฟ้า ด้วยฝีมือการพัฒนาจากวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์เสียงสมบูรณ์แบบในระบบ Sonus Faber 3D ติดตั้งลำโพงมากที่สุดถึง 19 ตัว และพลังเสียงสามมิติกำลังขับ 1,195 วัตต์ เพื่อความคมชัดและความโดดเด่นของระบบเสียงรอบทุกทิศทางได้อย่างแท้จริง

    สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีสุดล้ำของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ และสมรรถนะสุดแรง เป็นจุดเด่นทั้งหมดที่มารวมอยู่ใน “มาเซราติ กรันทูริสโม โฟลกอเร” ซูเปอร์คาร์สุดเท่สัญชาติอิตาเลียนคันนี้

file
file
file