file

“วิณณ์ ผาณิตวงศ์” บทพิสูจน์เลือดใหม่ “น้ำตาลนครเพชร”

นิตยสาร Trust ฉบับที่ 38 | คอลัมน์ New Generation

คนหนุ่มวัย 35 ปี ศิษย์เก่า Harvard Business School หอบหิ้วความรู้ และความคิดใหม่ๆ มาร่วมขับเคลื่อน “น้ํา ตาลนครเพชร” กิจการกงสี ที่ผู้เป็นพ่อ “วิบูลย์ ผาณิตวงศ์” ฝากความหวังเอาไว้ ปณิธานที่มี คืออยากสร้างผลงานเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ให้คนได้รู้จักชื่อของ “วิณณ์ ผาณิตวงศ์” ได้ด้วยฝีมือของเขา

“อยากให้มองธุรกิจกงสีเป็นเหมือนวัวนม ถ้าวัวนมแข็งแรง สุขภาพดี ก็จะมีนมออกมา ให้ผู้ถือหุ้นทุกคน”

ถ้อยคำสะท้อนความมุ่งมั่นของ “วิณณ์ ผาณิตวงศ์” ทายาทรุ่น 3 แห่งน้ำตาลนครเพชร ที่ตัดสินใจเข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัว ในตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายการส่งออก และ กรรมการ บริษัท น้ำตาลนครเพชร จำกัด โดยหวังว่าคนหนุ่มอย่างเขา จะเป็นพลังรุ่นใหม่ เพื่อ “เพิ่มมูลค่า” และ “เพิ่มคุณค่า” ให้กับ ธุรกิจกงสีได้

แม้จะยอมรับว่ากดดันอยู่มาก กับการเป็น ทายาทคนเล็กของ “วิบูลย์ ผาณิตวงศ์” ประธานกรรมการบริหาร น้ำตาลนครเพชร ผู้มีชื่อเสียงในวงการน้ำตาลไทย และมีบทบาท มากมายในสังคม เป็นทั้ง นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ผลิตน้ำตาลและชีวพลังงานไทย แถมยังเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร Thai Sugar Miller Corporation ร่วมขับเคลื่อน อุตสาหกรรมน้ำตาลไทยอยู่ในวันนี้

“ที่ผ่านมาทุกคนรู้จักผมในฐานะลูกชาย คุณวิบูลย์อยู่ ไม่ใช่ในฐานะ วิณณ์ สักเท่าไร ตอนนี้ผมยังต้องใช้เวลาสั่งสมความสามารถ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เพราะคุณพ่อท่านเป็น แรงบันดาลใจที่ดีมาก”

คนหนุ่มบอกความมุ่งมั่นที่ฝังอยู่ในใจลึกๆ และเริ่มพิสูจน์ตัวเองด้วยการเข้ามาช่วยงาน ธุรกิจกงสี เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน หลังจากที่ ก่อนหน้านั้นเคยดูแลธุรกิจส่วนตัวของครอบครัว อย่าง ธุรกิจปาล์มน้ำมัน สนามกอล์ฟ และ โรงไฟฟ้าชีวมวล มาแล้ว

“ผมทำธุรกิจของที่บ้านอยู่ 2-3 ปี จากนั้น ทางครอบครัวก็ให้โอกาสเข้ามาช่วยงาน ให้ดูแลด้านธุรกิจส่งออกตั้งแต่ตอนนั้น แต่ใน ตัวเนื้องานจริงๆ ก็มีโอกาสไปดูหลายเรื่อง ทั้งพันธมิตร การปรับโครงสร้างองค์กร ปรับโครงสร้างหนี้ เรียกว่าโชคดีที่ได้รับความ ไว้วางใจจากผู้ใหญ่ และทุกคนค่อนข้างเปิดรับ ความคิดใหม่ๆ มาก”

เมื่อคนรุ่นก่อนเปิดทางให้ เลยเป็นโอกาส ที่คนรุ่นใหม่จะได้แสดงฝีมือเต็มที่ คนหนุ่ม บอกเราว่า พันธกิจของเขาคือปรับองค์กรให้มี ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เป็นที่มาของการ หาที่ปรึกษาจากภายนอกเข้ามาช่วยปรับ โครงสร้างองค์กร มีความพยายามเขียน ธรรมนูญครอบครัวขึ้นมา เพื่อระบุสิทธิและ หน้าที่ที่ชัดเจนของสมาชิกในครอบครัว นี่คือ ตัวอย่างการเตรียมตัวเพื่ออนาคต ที่ไม่ว่าหาก จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือแม้แต่ยกระดับ เพื่อเป็นบริษัทครอบครัวที่บริหารงานแบบ มืออาชีพ ก็พร้อมสามารถทำได้ จะได้ไม่ต้อง เข้าตำรา “ธุรกิจครอบครัว มักอยู่ได้ไม่พ้นรุ่น 3”

“ผมโชคดีที่ผู้ใหญ่เข้าใจและเห็นด้วย และ โชคดีอีกเช่นกันที่พนักงานให้ความร่วมมือ ดีมาก องค์กรเราผ่านวิกฤติ 1997 มา และใช้เวลา พอสมควรกว่าที่จะฟื้นกลับมาได้ แต่พอกลับมา เราก็ตอบแทนพนักงานทุกคนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ สมกับความร่วมมือที่เขามีให้ ผมว่าดีเอ็นเอ คนน้ำตาลนครเพชร คือ ไม่กลัวความลำบาก ซึ่งนี่นับเป็นจุดแข็งของเรา” เขาบอก

 

Bootstrap Image Preview
 
“ที่ผ่านมาทุกคนรู้จักผมในฐานะลูกชายคุณวิบูลย์อยู่ ไม่ใช่ในฐานะ วิณณ์ สักเท่าไร ตอนนี้ผมยังต้องใช้เวลา สั่งสมความสามารถเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ต้องยอมรับว่า คุณพ่อท่านเป็นแรงบันดาลใจที่ดีมาก”

จุดแข็งเหล่านี้เองที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง ขององค์กร ด้วยพลังของพนักงานประจำที่มีอยู่กว่า 500 ราย และในช่วงฤดูกาลการผลิตที่พีคที่เขา ว่าเพิ่มมาอีกเป็นพันราย จึงไม่แปลกที่เมื่อถาม ถึงเป้าหมายที่อยากเห็น หนุ่มวิณณ์จึงบอกว่า อยากให้องค์กรของเขาเป็น “Best Employer” สุดยอดนายจ้างดีเด่น ให้ได้ภายใน 5 ปี

“นี่เป็นหนึ่งในมิชชั่นของบริษัท ที่เราเริ่ม ปฏิบัติมาตั้งแต่ต้นปี เพราะเชื่อว่า ถ้าพนักงาน มีความสุข องค์กรก็จะดีด้วย วันนี้ทรัพยากร บุคคลมีอัตราเทิร์นโอเวอร์สูงมาก เด็กเจนใหม่ ก็ไม่อยากเป็นลูกจ้าง ฉะนั้นเราต้องรักษาคน ไว้ให้ได้ เพราะการสร้างคนใหม่ ใช้ทั้งเวลา และต้นทุนที่สูงมาก” เขาสะท้อนความคิด

นอกจากการปรับรูปแบบ และดูการ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากภายใน ที่ผ่านมาเขา ยังใช้เวลาไปกับการศึกษาอุตสาหกรรมน้ำตาล ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า ทั้งยาก และเหนื่อย แต่ก็ สนุกที่ได้เรียนรู้

“น้ำตาลเป็นตลาดที่ยากมาก ประเทศไทย ธุรกิจน้ำตาลมีกฎหมายควบคุมของตัวเอง มีระบบที่น้ำทั้ง ชาวไร่ โรงงาน และส่วนราชการ มานั่งคุยกัน มีสูตรในการคิดคำนวณราคาอ้อย อย่างเป็นธรรม เป็นสินค้าเกษตรที่เข้มแข็งที่สุด สินค้าหนึ่งของไทย ที่ผ่านมาเลยใช้เวลาไปกับ การศึกษา และทำไซต์โปรเจ็กต์ไปเรื่อยๆ”

เขาบอกความท้าทายที่ญาติๆ หยิบยื่นให้ เลยต้องใช้ความมุ่งมั่นเต็มกำลัง เพื่อเก่งขึ้นให้ เร็วที่สุด โดยบอกแผนรบของบริษัท ใน 3-5 ปี ว่า มีแผนจะขยายโรงงาน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากยังเห็นศักยภาพของธุรกิจน้ำตาลไทย ในฐานะประเทศผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับสอง ของโลก รองจากบราซิล ขณะที่ตลาดผู้บริโภค น้ำลรายใหญ่ก็อยู่ใกล้เคียงเราทั้งนั้น อย่าง จีน หรือ อินโดนีเซีย ไทยจึงได้เปรียบในแง่ การขนส่ง และยังมีศักยภาพในการเติบโต ขณะที่พวกเขาก็อยากโตไปกับคลื่นลูกนี้ด้วย เวลาเดียวกันก็ต้องพร้อมรับมือกับความเสี่ยง และปัจจัยท้าทายจากทั้งภายในและนอกประเทศ ชนิดที่จะละสายตาไม่ได้ ซึ่งนั่นคือภารกิจ สุดท้าทายของผู้บริหารรุ่นใหม่อย่างเขา

 

Bootstrap Image Preview
 
“แม้ธุรกิจกงสีเป็นธุรกิจที่ดี แข็งแรง มั่นคง และใหญ่โต แต่มันก็ไม่ใช่ธุรกิจ ที่ผมสร้างขึ้นมากับมืออยู่ดี ผมจึง อยากสร้างอะไรของตัวเองขึ้นมาบ้าง นี่เป็นความฝันส่วนตัวผม”

“ผมอยากให้บริษัทของเรา เป็น ‘Small but Beautiful Company’ เพราะถ้าจะไปบอกว่า เราอยากเป็นที่ 1 ที่ 5 ใน 5-10 ปี ยอมรับว่า ยากมาก ถ้าให้วิ่งทางเดียวกับนักวิ่งระดับโลก อย่าง ‘ยูเซน โบลต์’ ผมก็เหนื่อย ฉะนั้นถ้าเขา วิ่งเป็นวงกลม ผมจะหาทางลัดไปเจอเขา ข้างหน้า” หนุ่มวิณณ์บอก

ถามถึงแนวคิดในการทำงาน คนหนุ่มบอก เราว่า เป็นคนที่ตั้งใจทำอะไรแล้ว ทำจริง และ ทะเยอทะยานอยู่พอสมควร โดยเขามีเป้าหมาย ที่อยากพิสูจน์ให้พ่อและคนอื่นๆ ได้เห็นว่า คนหนุ่มอย่างเขาก็มีความสามารถ และจะ สร้างชื่อของเขาขึ้นด้วยตัวเอง ขณะที่เป้าหมาย ส่วนตัวยังอยากมีธุรกิจของตัวเอง ไม่ใช่แค่คิด แต่ลงมือทำไปแล้ว โดยสตาร์ทอัพธุรกิจมา 3-4 ตัว และ “เจ๊ง” มาไม่รู้ต่อกี่ครั้ง ทว่าถึงวันนี้ เขาก็ยังพยายามอยู่ และยังสนุกที่จะได้เรียนรู้

“แม้ธุรกิจกงสีเป็นธุรกิจที่ดี แข็งแรง มั่นคง และใหญ่โต แต่มันก็ไม่ใช่ธุรกิจที่ผมสร้างขึ้น มากับมืออยู่ดี ผมจึงอยากสร้างอะไรของตัวเอง ขึ้นมาบ้าง นี่เป็นความฝันส่วนตัวผม”

วันนี้อดีตหนุ่มคลีโอปี 2008 ในวัย 35 ปี คือคุณพ่อของลูกสาวสองคน “น้องเอแคลร์” และ “น้องคัสตาร์ด” ที่ชื่อหวานไม่ต่างจาก ธุรกิจของพ่อ เคียงข้างภรรยาสาวสวย “ธัญสุดา ผาณิตวงศ์” ซึ่งเคยร่วมสตาร์ทอัพธุรกิจด้วย กันมา ถึงมีหลายภารกิจให้ต้องรับผิดชอบ ทว่าเขายังแบ่งเวลางานกับครอบครัวได้ดี ขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งความฝันของตัวเอง ไม่ว่าจะเพื่อธุรกิจครอบครัว หรือแม้แต่ความ ฝันส่วนตัว

เพื่อให้ชื่อของ “วิณณ์ ผาณิตวงศ์” ได้เป็น ที่รู้จักของผู้คน ได้ด้วย “ฝีมือ” ของเขาคนนี้

ความรู้สึกที่มีต่อทิสโก้

“คุณวิณณ์ ผาณิตวงศ์” ผู้จัดการฝ่ายการส่งออก และ กรรมการ บริษัท นํา้ตาลนครเพชร จํากัด คือหนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการ “TISCO Wealth Enhancement Program” หรือ “WEP รุ่น 4” หลักสูตรการบริหารความมั่งคั่งสําหรับผู้นํายุคใหม่ เขาบอกว่า ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ เพราะมีเพื่อนเรียนรุ่น 1 และรุ่น 3 มาก่อน แล้วเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี น่าสนใจ เพราะจะทําให้ได้ ทั้งเพื่อนและความรู้ จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ทําให้ผิดหวัง

นอกจากร่วมโครงการดีๆ คุณวิณณ์ ยังเป็นลูกค้าวาณิชธนกิจ (Investment Banking) ของทิสโก้ ขณะครอบครัวภรรยาก็เป็นลูกค้า ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) มานาน เขาเลยมี ความคุ้นเคยกับทิสโก้อยู่พอสมควรก่อนหน้านี้

“ในส่วนที่มีโอกาสปฏิสัมพันธ์ด้วย ผมมองว่า ทิสโก้ มีทีมงานที่เป็นมืออาชีพ ทํางานรวดเร็ว และตอบโจทย์ที่เราต้องการได้ดี ดีลที่ทํากับทิสโก้ก็เพิ่งประสบความสําเร็จไป ตอนนั้นมีธุรกิจหนึ่ง ของที่บ้าน ต้องการหาผู้มาดูแลต่อไป ซึ่งทางทิสโก้ก็เข้ามาช่วยเหลือจนบรรลุเป้าหมายได้ดี ก็รู้สึก พอใจที่ได้ใช้บริการจากทิสโก้”